การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint Security) เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องมือป้องกันภัยไซเบอร์ของบริษัทต่างๆ เนื่องจากอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoints) เป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อมีการเชื่อมต่อผ่านทางระบบเครือข่าย ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น เพื่อที่จะขโมย ฝังมัลแวร์ และคุกคามในรูปแบบอื่นๆ แต่ด้วยการใช้การป้องกันความปลอดภัยบนอุปกรณ์ปลายทางที่เหมาะสม เช่น ไฟร์วอลล์ Firewall, EDR, MDR เพื่อที่จะปกป้องข้อมูลบนเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย CrowdStrike เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในด้านการรักษาความปลอดภัยบนอุปกรณ์ปลายทางด้วยแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ CrowdStrike ที่ทำให้ระบบล่มครั้งใหญ่นี้ ส่งผลให้ผู้คนเริ่มมองหาโซลูชันทางเลือกแทน
ในบทความนี้ เราจะมาค้นหาทางเลือกแทนที่แพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon และวิธีเลือกแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดให้กับองค์กรของคุณ นอกจากนี้ เราจะพูดถึงความสามารถที่จำกัดของ CrowdStrike และวิธีเลือกโซลูชันที่ดีกว่า พร้อมจัดรายชื่อคู่แข่งที่สำคัญของ CrowdStrike และเปรียบเทียบคุณสมบัติตามปัจจัยต่างๆ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจถึงแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon กันก่อนว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
CrowdStrike Falcon คืออะไร?
CrowdStrike คือ บริษัทที่มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านการจัดทำระบบ Cloud Computing และ Endpoint security ซึ่งบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นี้มีโซลูชันหลากหลาย อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยีและ AI เพื่อยกระดับความปลอดภัย ซึ่งแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon นี้ได้ถูกกล่าวถึงไว้ว่า “สามารถขับเคลื่อนการรวบรวมข้อมูล ความปลอดภัย และไอทีเข้าด้วยกันโดยใช้ Generative AI และ Work Automation ที่ถูกสร้างขึ้นมาไว้แล้ว” โดยแพลตฟอร์มที่ทำรายได้หลักอย่าง CrowdStrike Falcon เคยถูกนำไปใช้เพื่อหยุดการเข้าถึงข้อมูล (Breach) ด้วยโซลูชัน Cloud Native ในขณะที่มีการโจมตีทางไซเบอร์จากมัลแวร์, แรนซัมแวร์ (Ransomware), ฟิชชิง (Phishing) และอื่นๆ อีกมากมาย อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon ได้ตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ด้วยสาเหตุที่เกิดจากการขัดข้องที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรทั่วโลกเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา
CrowdStrike หยุดชะงัก ระบบล่มทั่วโลก
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ระบบไอทีขัดข้องทั่วโลก (Global IT Outage) ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการ Windows จอฟ้าไปชั่วขณะและหยุดชะงักทั่วโลก ธุรกิจและอุตสาหกรรมจำนวนมากได้รายงานถึงเหตุขัดข้องครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน หน่วยงานด้านการดูแลสุขภาพ ธนาคาร สื่อกระจายเสียงและภาพ และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจากการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ผิดพลาดลงบนแพลตฟอร์ม CrowdStrike Falcon ส่งผลให้อุปกรณ์ Microsoft ถูกรบกวนโดยไม่สามารถบูตอุปกรณ์ได้ตามปกติ จนนำไปสู่ “Blue Screen of Death” นั่นเอง
George Kurtz ประธานกรรมการบริหาร (CEO) ของ CrowdStrike ได้ออกมาขอโทษสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นและยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงเหตุผลสำคัญที่ว่าลูกค้าอาจหันไปมองหาทางเลือกอื่นแทน CrowdStrike ต่อไปเรามาดูกันว่าจะสามารถแก้ไขผลกระทบจากเหตุการณ์ CrowdStrike ขัดข้องได้อย่างไร
การแก้ไขปัญหา CrowdStrike ขัดข้อง
แม้ว่าการหยุดชะงักของ CrowdStrike จะส่งผลกระทบต่อบริการในหลายอุตสาหกรรม แต่หลายบริษัทก็ยังคงเผชิญกับปัญหาปรากฏการณ์จอฟ้าแห่งความตาย (Blue Screen of Death) ที่เกิดจากเหตุการณ์นี้อยู่ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม Microsoft ได้ออกแถลงการณ์ว่าบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งรวมถึงการปล่อย USB Tool ที่ระบุว่าสามารถช่วยผู้ดูแลระบบไอทีในการดำเนินการซ่อมแซมได้ โดยเครื่องมือดังกล่าวนี้จะให้สิทธิ์เฉพาะผู้ดูแลระบบและคีย์กู้คืน BitLocker สำหรับ Windows PC แต่ละเครื่องเท่านั้น ต่อมาทาง Microsoft ยังได้เผยแพร่ขั้นตอนการกู้คืนเพื่อแก้ไขปัญหาเครื่อง PC ที่ยังคงรีสตาร์ทซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะการอัปเดต CrowdStrike ที่ผิดพลาดนั่นเอง
ในส่วนทางด้านของ CrowdStrike เองก็ได้แนะนำให้ลูกค้าเข้าไปยังพอร์ทัลสนับสนุนของบริษัทตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จอฟ้าขึ้น ในหน้า “Remediation and Guidance Hub: Falcon Content Update For Windows Hosts” ทางบริษัทได้ระบุไว้ว่า สาเหตุของปัญหานี้ก็คือการอัปเดตข้อมูลเพื่อให้ Sensor ทำงานเกิดการคำนวณผิดพลาดและได้ทำการย้อนกลับข้อมูลที่ผิดพลาดเหล่านั้นแล้ว โดยทาง CrowdStrike ได้ขอให้ลูกค้าติดตามข้อมูลผ่านทางพอร์ทัลสนับสนุนเกี่ยวกับการอัปเดตเพิ่มเติมตามความจำเป็น
ขั้นตอนที่ CrowdStrike แนะนำในการแก้ไขสำหรับอุปกรณ์หลัก (เครื่องโฮสต์) แต่ละเครื่อง ได้แก่
1. ทำการรีบูตอุปกรณ์หลัก เพื่อให้สามารถดาวน์โหลดไฟล์สำหรับแก้ไขข้อผิดพลาดได้ ซึ่งทาง CrowdStrike แนะนำให้เชื่อมต่อเครื่องโฮสต์กับเครือข่ายแบบใช้สาย (Ethernet) แทน Wi-Fi ก่อนทำการรีบูตเท่านั้น เนื่องจากการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะรวดเร็วขึ้นอย่างมากผ่านเครือข่ายแบบใช้สาย
2. หากอุปกรณ์หลักได้รับความเสียหายอีกครั้งหลังการรีบูต ให้ทำคามขั้นตอนต่อไปนี้
ทางเลือกที่ 1: สร้าง ISO สำหรับการกู้คืนแบบอัตโนมัติพร้อมไดรเวอร์
- ทำตามคำแนะนำในไฟล์ PDF คู่มือการสร้าง ISO ของ Falcon Windows เพื่อกู้คืนอุปกรณ์หลักหรือเข้าสู่ระบบเพื่อดูข้อมูลในพอร์ทัลสนับสนุน (อัปเดตเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2024 เวลา 07:40 UTC)
- หมายเหตุ: อุปกรณ์หลักที่มีการเข้ารหัส BitLocker อาจต้องใช้คีย์กู้คืน
ทางเลือกที่ 2: กระบวนการตามคู่มือ
- ดูวิดีโอเกี่ยวกับ การแก้ไขปัญหาโฮสต์ด้วยตนเองสำหรับผู้ใช้ระยะไกล (Host Self-Remediation for Remote Users) ที่ CrowdStrike ได้จัดทำขึ้นและปฏิบัติตามคำแนะนำในวิดีโอภายใต้คำแนะนำของฝ่ายไอทีขององค์กรคุณ (อัปเดตเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2024 เวลา 15:10 UTC)
- สามารถเลือกดูบทความของ Microsoft สำหรับขั้นตอนที่ละเอียดเพิ่มเติมได้
- หมายเหตุ: อุปกรณ์หลักที่มีการเข้ารหัส BitLocker อาจต้องใช้คีย์กู้คืน
CrowdStrike Intelligence ได้มีการแจ้งเตือนว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม มีการตรวจพบชุดคำสั่งแมโคร (Macros) ติดมากับไฟล์ Word ซึ่งใช้ดาวน์โหลดมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูล (ภายหลังถูกตั้งชื่อว่า Daolpu) เอกสารดังกล่าวถูกปลอมแปลงให้ดูคล้ายว่าเป็นคู่มือการกู้คืนระบบของ Microsoft และการวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์
หากกรณีที่ผู้ใช้งานยังคงพบปัญหาแม้ว่าจะรีบูตเครื่องแล้วก็ตาม ทาง CrowdStrike แนะนำให้บูตเข้าสู่โหมดปลอดภัย (Safe Mode) และลบไฟล์ที่เสียหายโดยทำตามขั้นตอนดังนี้:
- บูต Windows ของคุณให้เข้าสู่ Safe Mode หรือ Windows Recovery Environment
- เข้าไปยังหน้า %WINDIR%\System32\drivers\CrowdStrike
- ค้นหาไฟล์ชื่อ "C-00000291*.sys" และลบทิ้ง
- บูตเครื่องโฮสต์ตามปกติ
หมายเหตุ: อุปกรณ์หลักที่มีการเข้ารหัส BitLocker อาจต้องใช้คีย์กู้คืน
สำหรับลูกค้าหลายราย CrowdStrike ถือเป็นแหล่งความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มั่นคง แต่อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรส่วนใหญ่ในระยะยาว เราลองมาดูข้อจำกัดบางประการของแพลตฟอร์ม CrowdStrike กัน
ข้อจำกัดของ CrowdStrike
หลังเกิดเหตุการณ์ระบบไอทีทั่วโลกขัดข้อง ทำให้หลายๆ บริษัทเริ่มมองหาทางเลือกอื่นแทนการใช้ CrowdStrike ซึ่งเราได้รวบรวมข้อเสียของการใช้แพลตฟอร์ม CrowdStrike ที่ควรทราบมาไว้ให้แล้วดังนี้
- ราคาสูง: แพลตฟอร์ม CrowdStrike ถือว่ามีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัฑณ์ที่ดูแลด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางอื่นเป็นอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในรูปแบบการสมัครสมาชิก (Subscription) อาจไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กหรือบริษัทที่มีงบประมาณจำกัด
- มีความซับซ้อน: แม้ว่าอินเทอร์เฟซของ CrowdStrike จะใช้งานง่าย แต่บรรดาฟีเจอร์ขั้นสูงต่างๆ ถือว่ามีความซับซ้อนและใช้งานได้ยากสำหรับฝ่ายไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทที่มีขนาดเล็กที่อาจไม่ได้มีฝ่ายไอทีด้วยซ้ำ
- ข้อจำกัดของระบบคลาวด์: โซลูชันต่างๆ ของ CrowdStrike ใช้ระบบ Cloud Native ในการจัดการกับปัญหาและไม่สามารถติดตั้งระบบ Server ไว้ภายในองค์กรได้ ซึ่งถือว่าเป็นการจำกัดการใช้งานในบางกรณีเป็นอย่างมาก
- ข้อบกพร่องในการผสานรวมระบบ: การรวม CrowdStrike เข้ากับเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอื่นๆ อาจเป็นกระบวนการที่ยุ่งยาก
- ระบบป้องกันข้อมูลสูญหาย (DLP) แบบมือใหม่: แพลตฟอร์ม DLP ของ CrowdStrike เพิ่งเปิดตัวในตลาดได้ไม่นานและถือว่ายังไม่มีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญเทียบเท่ากับระบบป้องกันข้อมูลสูญหาย (DLP Solution) อื่นๆ ตามท้องตลาด
- ความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการ: CrowdStrike มีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการบางประเภท นั่นหมายความว่าแพลตฟอร์มอาจไม่สามารถรองรับระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่ Microsoft ได้อย่างเต็มรูปแบบ และนี่อาจเป็นปัญหาที่ท้าทายสำหรับบริษัทจำนวนมากที่เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแบบอื่นๆ เช่น Mac หรือ Linux
- ข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัว: CrowdStrike เสนอให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความกังวลในด้านความเป็นส่วนตัวและต้องการนโยบายการตรวจสอบที่ชัดเจนรวมถึงการให้ความยินยอมจากผู้ใช้งาน
- ขาดการติดตามกิจกรรมต่างๆ: CrowdStrike Falcon ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์การตรวจสอบกิจกรรมและการวิเคราะห์พฤติกรรมได้
แม้ข้อเสียเหล่านี้จะดูเป็นเหตุผลที่ดีในการมองหาแพลตฟอร์มคู่แข่งของ CrowdStrike แต่การมองหาคุณสมบัติที่ตอบโจทย์มีในแพลตฟอร์มอื่นนั้นก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
อะไรคือสิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกโซลูชัน Endpoint Security
แพลตฟอร์มทางเลือกแทน CrowdStrike Falcon มีให้เลือกหลายรูปแบบ ในระหว่างที่คู่แข่งของ CrowdStrike ต่างพัฒนาฟีเจอร์และแพลตฟอร์มกันอย่างไม่หยุดหย่อน สิ่งสำคัญที่องค์กรควรคำนึง คือ ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อตัดสินใจเลือกใช้แพลตฟอร์มทางเลือกแทน CrowdStrike ซึ่งประกอบไปด้วย
1. การผสานรวมระบบ (Integration)
ตัวเลือกที่ดีควรมีความสามารถในการผสานรวมระบบที่เหนือกว่า CrowdStrike การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางของคุณควรมีความสามารถในการทำงานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วของบริษัทได้อย่างราบรื่น ทั้งนี้เพื่อสร้างระบบความปลอดภัยได้อย่างครอบคลุมและราบรื่น
2. การจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management)
ระบบที่ดีควรมีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่ายและครบวงจร เพื่อช่วยให้การควบคุมและจัดการกับอุปกรณ์ปลายทางเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้จะสามารถทำให้ฝ่ายไอทีสามารถมองเห็นถึงปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่งและแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
3. มีความคุ้มค่า
หลายบริษัทอาจเผชิญกับความท้าทายในการเลือกใช้แพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางที่มีราคาสูง ทั้งนี้อย่าลืมที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่างบประมาณที่มีอยู่มีความสอดคล้องกับสิ่งที่องค์กรต้องการหรือไม่
4. การปรับใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น
ทำความเข้าใจถึงสิ่งที่บริษัทต้องการเกี่ยวกับการบริการเปลี่ยนแปลงและจัดเก็บข้อมูลบนระบบออนไลน์ (Cloud-based Solution), ความสามารถในการปรับขยาย, และปัจจัยอื่นๆ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณสามารถหาโซลูชันที่เหมาะสม สามารถปรับเปลี่ยน และปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะเจาะจงของบริษัท และตามโครงสร้างพื้นฐานได้
5. ระบบป้องกันข้อมูลสูญหาย (DLP) ที่มีประสิทธิภาพ
การสูญเสียข้อมูลเป็นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดหายนะต่อบริษัทได้ การรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางจึงควรมีฟีเจอร์ Data Loss Prevention (DLP) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อใช้ป้องกันความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กร
รายชื่อคู่แข่งและทางเลือกแทน CrowdStrike
เมื่อองค์กรของคุณต้องเลือกโซลูชันของผู้ให้บริการรายอื่นแทน ก็อาจมีความจำเป็นต้องค้นหาคู่แข่งของ CrowdStrike ที่มีอยู่ทั้งหมดเพื่อค้นหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด และเพื่อให้การค้นหาเป็นไปได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมเอาคู่แข่งหลักของ CrowdStrike Falcon มาไว้ให้แล้วดังนี้
1. Sangfor Endpoint Secure
Sangfor Technologies เป็นบริษัท IT ชั้นนำที่ให้บริการเกี่ยวกับ Cloud Infrastructure และโซลูชัน Cybersecurity ที่ล้ำสมัย โดยมีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรม โดยได้สร้างชื่อเสียงระดับโลกในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมนี้
แพลตฟอร์ม Sangfor Endpoint Secure มอบการตอบสนองที่ครอบคลุมจากการถูกโจมตีด้วยมัลแวร์และภัยคุกคามขั้นสูง (APT) ทางเครือข่าย ด้วยการใช้งานที่ง่ายต่อการขยายตัว จัดการ และดำเนินการ ซึ่งผลิตภัณฑ์สุดล้ำนี้ยังสามารถรองรับการรวมระบบแบบ On-Cloud และ On-Premise เข้าด้วยกันได้อย่างราบรื่น และแน่นอนว่าโซลูชันนี้เป็นทางเลือกแทน CrowdStrike AV ได้อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ Sangfor Endpoint Secure ยังสามารถตรวจจับการโจมตีจาก Ransomware ได้ในเวลาเพียง 3 วินาที ตามที่แสดงในแบบจำลองการโจมตีนี้
ข้อดีของแพลตฟอร์ม Sangfor Endpoint Secure
- ตอบสนองต่อการ Phishing และการจู่โจมทางเว็บไซต์ได้อัตโนมัติ
- ป้องกันและกู้คืนไฟล์ที่ได้รับการโจมตีจากแรนซัมแวร์ขั้นสูงได้
- กำจัดแรนซัมแวร์ได้ภายใน 3 วินาที
- วิเคราะห์และเชื่อมโยงระหว่างอุปกรณ์ปลายทาง เครือข่าย และระบบคลาวด์ได้
- เป็นทางเลือกที่มีความคุ้มค่ากว่า CrowdStrike
- รองรับระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่ รวมถึงระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าๆ
ข้อจำกัดของแพลตฟอร์ม Sangfor Endpoint Secure
- ข้อจำกัดในการใช้งานโซลูชันนอกพื้นที่ APAC & EMEA
- พื้นที่เปิดสำหรับให้ความรู้ (Forum) มีจำกัด
2. Kaspersky
Kaspersky Lab คือ ผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และโปรแกรมป้องกันไวรัสสัญชาติรัสเซีย บริษัท IT ระดับโลกนี้มีผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยปกป้องและเสริมสร้างการดำเนินงานในด้านต่างๆ ที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยแพลตฟอร์ม Kaspersky Endpoint Security สามารถป้องกันคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Mac จากไวรัสและภัยคุกคามด้านความปลอดภัยอื่นๆ ได้ด้วยฟีเจอร์การป้องกันภัยคุกคามจากไฟล์ เว็บไซต์ และเครือข่าย ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ทำให้การจัดการภัยคุกคามไซเบอร์นั้นเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของ Kaspersky
- ตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีการเฝ้าระวังในเชิงรุก
- การผสานรวมระบบที่ราบรื่น
- มีการเข้ารหัส FileVault ที่สามารถจัดการได้จากระยะไกล
- เซิร์ฟเวอร์การจัดการศูนย์กลางสำหรับการปรับใช้และควบคุมการดูแลความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง
ข้อจำกัดของ Kaspersky
- ความยากในการจัดการและการอัปเดต Windows
- ปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดตแอปพลิเคชัน
- ข้อกำหนดความเป็นส่วนตัวค่อนข้างน่ากังวลในแง่การเชื่อมต่อจากรัสเซีย
3. Trend Micro XDR
Trend Micro บริษัทที่ดูแลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกที่ใช้การวิจัยภัยคุกคามจากทั่วโลกในการรับประกันความปลอดภัยทางดิจิทัล ซึ่งแพลตฟอร์มของบริษัทแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้ององค์กรที่มีการใช้งานจากทั้งระบบคลาวด์ เครือข่าย อุปกรณ์ (Devices) และอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoints) ที่หลากหลาย แพลตฟอร์ม Trend Micro XDR ใช้เทคนิคการป้องกันภัยคุกคามแบบขั้นสูงที่มีความเหมาะสมกับแพลตฟอร์มต่างๆ และในขณะเดียวกันก็ยังสามารถมองเห็นการคุกคามจากส่วนกลางเพื่อการตรวจจับและตอบสนองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ข้อดีของ Trend Micro XDR
- ข้อมูลเชิงลึกจากการวิจัยและข้อมูลภัยคุกคามจากทั่วโลก
- การใช้แผนผัง MITRE ATT&CK ทำให้เข้าใจบริบทการโจมตีในรูปแบบที่ง่ายขึ้น
- สามารถเชื่อมโยงข้อมูลหลายชั้นจากระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ
- การตรวจจับและตอบสนองอัตโนมัติ
- สามารถปรับแต่งได้ตามรูปแบบที่ต้องการ
ข้อจำกัดของ Trend Micro XDR
- การผสานรวมระบบกับเครื่องมือดูแลความปลอดภัยอื่นๆ ค่อนข้างแย่
- การตรวจจับเท็จ (False positives)
- ขาดแหล่งข้อมูลการฝึกอบรม
- ค่าใช้จ่ายสูง
4. Sophos
Sophos บริษัทสัญชาติอังกฤษที่พัฒนาและจำหน่ายบริการรักษาความปลอดภัยโดยใช้ผู้ให้บริการจากภายนอก (MSS) ตลอดจนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ยังให้บริการรวมไปถึงการเฝ้าดูและตรวจจับภัยคุกคาม การตอบสนองต่อเหตุการณ์ และซอฟต์แวร์ดูแลความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง Sophos Intercept X เป็นวิธีการดูแลรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางขั้นสูงที่ผสมผสานเอาความสามารถของ EDR, XDR และการตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มีการจัดการ (MTR) เข้าไว้ในโซลูชันการดูแลความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางอย่างครบวงจร
ข้อดีของ Sophos
- ใช้งานง่าย
- มีการผสมผสานเทคนิคจากแอนตี้ไวรัสรุ่นใหม่
- สามารถกำจัดมัลแวร์ได้ทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีร่องรอยการโจมตีเหลืออยู่
- มีการศึกษาเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจและสามารถตรวจจับมัลแวร์ใหม่ๆ ได้ทันที
- การวิเคราะห์ถึงสาเหตุจากต้นตอเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม
ข้อจำกัดของ Sophos
- ใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง
- ประสิทธิภาพการทำงานช้า
- ความล่าช้าในการดูแลสนับสนุนหลังการขาย
- พบปัญหาความไม่เข้ากันของอุปกรณ์/ระบบปฏิบัติการ
- มีการกำหนดค่า (configuration) ที่ค่อนข้างยาก
5. Avast
Avast ให้โซลูชันในการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบครบวงจรและปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 400 ล้านคน โซลูชันการดูแลรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางของ Avast เช่น Next-gen Antivirus และโปรแกรม Patch Management อัตโนมัติที่ทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องอุปกรณ์ ข้อมูล และแอปพลิเคชัน ทำให้สามารถประหยัดได้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายอีกด้วย
ข้อดีของ Avast
- วิธีการมีความครอบคลุมระบบรักษาความปลอดภัย
- ประสิทธิภาพคุ้มค่า
- มีการติดตามเฝ้าดูอย่างต่อเนื่อง
- แก้ไขปัญหาได้อัตโนมัติ
ข้อจำกัดของ Avast
- ใช้ทรัพยากรสูง
- ติดตั้งได้ยาก
- ขาดแหล่งข้อมูลในการกำหนดค่าและบำรุงรักษาระบบ
6. ESET
ESET เป็นบริษัทดูแลรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ระดับโลก ตั้งอยู่ในสหภาพยุโรปที่มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการปกป้องความก้าวหน้าใดๆ ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี ESET Protect สามารถใช้งานได้ง่ายและมีความสามารถในการรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ปลายทางได้อย่างแข็งแกร่ง แพลตฟอร์มนี้ยังรวมถึงการป้องกัน การตรวจจับ และการค้นหาภัยคุกคามแบบเชิงรุกอีกด้วย
ข้อดีของ ESET
- ใช้เทคโนโลยีการทดสอบโปรแกรมที่น่าสงสัยและวิเคราะห์พฤติกรรมโดยอัตโนมัติ (Cloud-based sandboxing) เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากแรนซัมแวร์
- การเข้ารหัสดิสก์แบบเต็ม
- คอนโซลเข้าถึงได้ง่าย สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดการความปลอดภัยได้
- การจัดการระยะไกลแบบ Single Pane of Glass (SPOG) เพื่อให้เห็นภาพรวมของภัยคุกคาม, ผู้ใช้งาน และรายการที่ถูกกักกัน
- ปกป้องอุปกรณ์ปลายทางและมือถือของบริษัทด้วยเทคโนโลยีป้องกันแบบหลายชั้นที่ล้ำหน้า
ข้อจำกัดของ ESET
- ค่าใช้จ่ายอาจมีราคาสูง
- ประสิทธิภาพการทำงานช้า
- มีความซับซ้อนในการเรียนรู้และจัดการ
- พบปัญหาความเข้ากันได้ของอุปกรณ์/ระบบปฏิบัติการ
7. Symantec
Symantec เป็นบริษัทในเครือของ Broadcom ที่ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ขั้นสูง Symantec Endpoint Security (SES) นำเสนอการป้องกันที่ครอบคลุมและออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีของมัลแวร์ทั้งในอุปกรณ์แบบดั้งเดิมและอุปกรณ์แบบพกพา
ข้อดีของ Symantec
- ใช้เทคนิคการป้องกันภัยคุกคามแบบแยกส่วน (Isolation)
- ใช้ระบบการบริหารจัดการจากศูนย์กลาง (Active Directory)
- เทคโนโลยีการตรวจจับภัยคุกคาม
- มีการป้องกันสำหรับพนักงานในองค์กรและพนักงานระยะไกล (remote employee)
- มีการสร้างให้จัดการผ่านระบบ Single-agent และ Single-console
- ป้องกันการโจมตีแบบอาศัยโปรแกรมที่ถูกติดตั้งในระบบอยู่แล้วมาใช้ในการโจมตี (Living off the land)
ข้อจำกัดของ Symantec
- การอัปเดตไม่เพียงพอ
- ระบบ HIPS/HIDS ไม่มีประสิทธิภาพ
- ต้องใช้ทรัพยากรสูง
- การเชื่อมโยงระบบ XDR แบบ Manual
8. SentinelOne Singularity Platform
SentinelOne ให้บริการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบอัตโนมัติแก่สภาพแวดล้อม IT หลากหลายรูปแบบ โดยเน้นที่ความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทาง, ระบบคลาวด์, และการระบุตัวตน ซึ่งแพลตฟอร์ม SentinelOne Singularity สามารถทำนายพฤติกรรมที่เป็นอันตรายได้ในทุกเวกเตอร์และสามารถกำจัดภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีการตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
ข้อดีของแพลตฟอร์ม SentinelOne
- รวมฟีเจอร์ Next-Gen Antivirus, EPP, EDR และ XDR ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
- ใช้ระบบ AI อัตโนมัติ
- มีการตรวจจับภัยคุกคาม
- มีการตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบเรียลไทม์
ข้อเสียของแพลตฟอร์ม SentinelOne
- การแจ้งเตือนเท็จ (False positives)
- มีปัญหาเกี่ยวกับการอัปเดต
- มีปัญหาเกี่ยวกับตัวแทนจำหน่าย
- มีปัญหาเกี่ยวกับความเข้ากันได้ (Compatibility)
- มีความซับซ้อนในการเรียนรู้
9. Harmony Endpoint
บริษัท Check Point Software Technologies ถือเป็นหนึ่งในบริษัทระดับโลกที่ให้บริการเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่หน่วยงานทางภาครัฐและเอกชนต่างๆ แพลตฟอร์มต่างๆ ของ Check Point ได้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์หลากหลายรูปแบบตามแต่ละสภานการณ์ เช่น มัลแวร์และแรนซัมแวร์ ซึ่งโซลูชัน Harmony Endpoint เป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ปลายทางที่รวมเอาการป้องกัน การตรวจจับ และการตอบสนองเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้แนวทาง Prevention-First ที่ขับเคลื่อนด้วย ThreatCloud AI นั่นเอง
ข้อดีของ Harmony Endpoint
- จัดการได้ผ่านตัวจัดการ (Console) เพียงตัวเดียว
- มีความสามารถในการล่าภัยคุกคาม
- การสแกนอุปกรณ์ปลายทาง
- ใช้งานง่าย
- การจัดการผ่านระบบคลาวด์
ข้อจำกัดของ Harmony Endpoint
- ปัญหาด้านประสิทธิภาพ
- ปัญหาเกี่ยวกับตัวแทนจำหน่าย
- ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก
- พบปัญหาเกี่ยวกับการผสานระบบกับ SIEM
- การอัปเดตล่าช้า
10. Microsoft Defender for Endpoint
Microsoft เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีในระดับโลกที่ให้บริการมาอย่างยาวนาน โดยมีทั้งแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลายรูปแบบคอยให้บริการ ซึ่ง Microsoft Defender for Endpoint เป็นโซลูชันสำหรับรักษาความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ปลายทางที่สมบูรณ์แบบ โดยใช้เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในการป้องกันล่วงหน้า ตรวจจับหลังการโจมตี สืบหาอัตโนมัติ และตอบสนองต่อภัยคุกคาม
ข้อดีของ Microsoft Defender
- มีระบบการหยุดยั้งการโจมตีโดยอัตโนมัติ
- AI ด้านความปลอดภัยที่สามารถสืบสวนและตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
- ได้รับการแนะนำจาก Microsoft Secure Score
ข้อจำกัดของ Microsoft Defender
- พบปัญหาความเข้ากันได้ (Compatibility)
- ระบบการสนับสนุนแย่
- มีรูปแบบการปรับแต่งเฉพาะบุคคลให้เลือกน้อย
- การแจ้งเตือนเท็จ (False positives)
- มีการใช้ทรัพยากรมาก
11. Cortex XDR
Palo Alto Networks เป็นบริษัทห้างหุ้นส่วนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์สัญชาติอเมริกันที่มีความเชี่ยวชาญในด้านไฟร์วอลล์ (Firewall), Next-generation Firewall และแพลตฟอร์มแบบ Cloud-based ผลิตภัณฑ์ Cortex XDR สุดล้ำที่มีความสามารถในการบล็อกมัลแวร์ขั้นสูง บล็อกการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่และการโจมตีแบบไม่มีไฟล์ ด้วยชุดรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ปลายทางแบบครอบคลุมต่อภัยคุกคามทุกชนิด
ข้อดีของ Cortex XDR
- การป้องกันภัยคุกคามด้วยการสังเกตจากพฤติกรรม (Behavioral Threat Protection)
- ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- การวิเคราะห์ข้อมูลบนระบบคลาวด์
- ได้คะแนน 100% จากการประเมิน MITRE Engenuity ATT&CK
- ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่น
ข้อจำกัดของ Cortex XDR
- พบการแจ้งเตือนเท็จ (False positives)
- การให้บริการลูกค้าค่อนข้างแย่
- การสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์
- พบการปรับใช้ที่ซับซ้อนและใช้เวลามาก
12. ThreatDown Endpoint Detection and Response
Malwarebytes คือซอฟต์แวร์สำหรับป้องกันมัลแวร์ในระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows, Mac, Chrome, Android และ iOS ที่ช่วยค้นหาและกำจัดมัลแวร์ ThreatDown EDR เป็นแพลตฟอร์มที่รวมการป้องกันในระดับองค์กรสำหรับภัยคุกคามหลายแบบ เช่น มัลแวร์, แรนซัมแวร์, การโจมตีแบบ Zero-day, และ Phishing ผลิตภัณฑ์นี้จะช่วยลดการแพร่กระจายของการติดไวรัสผ่านกระบวนการสืบสวนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถจำลองการทำงานของมัลแวร์ได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมแบบ Sandbox อีกด้วย
ข้อดีของ ThreatDown
- ใช้งานง่าย
- บริหารจัดการและติดตั้งได้ง่าย
- ฟังก์ชันกู้คืนไฟล์ที่ถูกเข้ารหัสโดย Ransomware ภายใน 72 ชั่วโมงเพียงแค่คลิกเดียว
- การตรวจจับภัยคุกคามฉบับปรับปรุง
ข้อจำกัดของ ThreatDown
- ระบบดูแลลูกค้าหลังการขายยังมีจุดที่สามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้
- พบการแจ้งเตือนเท็จ (False positives)
- พบปัญหาความเข้ากันได้
ณ จุดนี้เราสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างของแต่ละแพลตฟอร์มได้เพิ่มเติม เพื่อค้นหาว่าทางเลือกที่ดีที่สุดแทน CrowdStrike คือแพลตฟอร์มใด และได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เหมาะสมสำหรับคุณ ดังที่แสดงในตารางด้านล่างนี้
Sangfor Endpoint Secure | Kaspersky | Trend Micro XDR | Sophos | Avast | ESET | Symantec | SentinelOne | Harmony Endpoint | Microsoft Defender | Cortex XDR | ThreatDown EDR | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ราคา | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ฟรี&ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก | ระบบสมาชิก |
ความเข้ากันของ OS | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ | ระบบส่วนใหญ่ |
ความง่ายในการใช้งาน | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย | การใช้ง่าย, การติดตั้งซับซ้อน | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย | ง่าย |
ความสามารถในการปรับขนาด | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | รองรับการปรับขนาด Endpoints | |
ประสิทธิภาพ & ความน่าเชื่อถือ | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ประสิทธิภาพดี | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร | ซอฟแวร์ระดับองค์กร |
การสนับสนุน & บริการ | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพ | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพ | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพ | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, ขาดการสนับสนุน | บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพ, ผู้ใช้จำนวนมาก | บริการหลังการขายมีประสิทธิภาพ | การสนับสนุนจาก Communityที่แข็งแกร่ง | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, มีบริการหลังการขาย | การสนับสนุนจาก Communityที่แข็งแกร่ง | แพลตฟอร์มขนาดใหญ่, มีบริการหลังการขาย | ขาดการสนับสนุนผลิตภัณฑ์, การสนับสนุนจาก Community | การตลาดแข็งแรง, Communityกำลังเติบโต |
ระดับการใช้งาน | องค์กรทุกระดับ | องค์กรขนาดใหญ่ | องค์กรขนาดใหญ่ | องค์กรขนาดใหญ่, ผสานรวมระบบกับ Sophos | องค์กรทุกระดับ | องค์กรขนาดเล็ก | สถานประกอบการเดี่ยว | องค์กรขนาดใหญ่ | องค์กรขนาดใหญ่ | องค์กรขนาดใหญ่, ผสานรวมระบบกับ Microsoft | องค์กรขนาดใหญ่ | องค์กรขนาดใหญ่ |
เมื่อหลายคนกำลังมองหาทางเลือกใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือแทนแพลตฟอร์มของ CrowdStrike ด้วยการเปรียบเทียบกับคู่แข่งของ CrowdStrike สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ คือ จะต้องมีความเข้าใจก่อนว่าบริษัทหรือองค์กรของคุณนั้นต้องการอะไร และสิ่งใดคือสิ่งที่ควรจะได้รับในแง่ของระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ปลายทางของ Sangfor ทางเลือกใหม่ที่แทน CrowdStrike ได้ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบคลาวด์และแพลตฟอร์มความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้ที่ www.sangfor.com