โซลูชันอันล้ำหน้าที่ออกแบบมาสำหรับรับมือจากภัยคุกคามยุคใหม่

ธุรกิจต่างๆ เผชิญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่แยบยล การมุ่งโจมตีระบบที่เปราะบาง สร้างภัยคุกคามภายในองค์กร ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน จากปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอและการปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ ความท้าทายเหล่านี้มีหลายแง่มุม ในขณะที่องค์กรต่างๆ มีการขยายธุรกิจทางด้านดิจิทัลมากขึ้น ความต้องการโซลูชันด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและครอบคลุมจึงมีความสำคัญมากกว่าที่เคย 

Sangfor Omni-Command คือโซลูชัน Extended Detection and Response (XDR) ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายภายใต้ด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนในยุคปัจจุบัน Omni-Command ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคำว่า "Omni" ที่แปลว่า "ทั้งหมด" คือการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยหลายอย่างมารวมกันอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ (Endpoint Security) ไฟร์วอลล์  (Firewall) และโซลูชันการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามบนเครือข่าย (NDR) ไว้ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างเหนียวแน่น เสริมด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ช่วยให้มีแนวทางการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบผสานรวม AI อัจฉริยะ และการป้องกันเชิงรุก ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยก้าวล้ำหน้าคู่ต่อสู้และปกป้องสภาพแวดล้อมดิจิทัลของตนเอง 

A Cutting-Edge Solution Built for the Modern Threat Landscape

ภาพรวมการทำงานของ Omni-Command

How Omni-Command Works at a Glance

ฟีเจอร์และความสามารถสำคัญของ Omni-Command

วิสัยทัศน์ด้านความปลอดภัย 360 องศา

Omni-Command มอบวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความปลอดภัยขององค์กร ผ่านการตรวจสอบการรับส่งข้อมูลแบบพาสซีฟและแอคทีฟ รวมถึงการนำข้อมูลจากส่วนประกอบต่างๆ ของแพลตฟอร์มมาใช้ ด้วยแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย แสดงภาพรวมรายละเอียดของตัวชี้วัดความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น ภัยคุกคามที่โดดเด่นและสินทรัพย์ (Asset) ที่มีความเสี่ยง ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจจับ ประเมิน และตอบสนองต่อช่องโหว่และการโจมตีที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างรวดเร็ว

360° Security Visibility

การตรวจจับภัยคุกคามด้วยพลังของ AI

Omni-Command ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการตรวจจับอันทรงพลังของ Security GPT และเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI อื่นๆ เช่น การวิเคราะห์ E+N (Endpoint + Network), UEBA และอื่นๆ เพื่อตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงและภัยคุกคามที่ไม่รู้จักด้วยความแม่นยำเกิน 99%

ระบบจะเชื่อมโยงการแจ้งเตือนจากแหล่งและระบบต่างๆ และดำเนินการวิเคราะห์โดยใช้เครื่องมือ AI ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งได้รับการฝึกฝนด้วยตัวอย่างมัลแวร์กว่าพันล้านตัว เพื่อทำความเข้าใจและระบุรูปแบบที่บ่งบอกถึงภัยคุกคามทางไซเบอร์ ผ่านการเชื่อมโยงนี้ แพลตฟอร์มจะรวมการแจ้งเตือนที่สร้างโดยระบบต่างๆ ไว้ในเหตุการณ์เดียวที่แยกแยะตามบริบท ซึ่งอาจมองไม่เห็นหากดูการแจ้งเตือนแต่ละรายการแยกกัน กระบวนการนี้มีความสำคัญสำหรับการค้นหาการโจมตีที่ซับซ้อนและลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด

AI-Powered Threat Detection

ผู้ช่วย AI อัจฉริยะ - Security GPT

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้าน SecOps ของคุณด้วยการบูรณาการ Security GPT เข้ากับ Omni-Command Security GPT เป็นผู้ช่วย AI อัจฉริยะรุ่นใหม่ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการรักษาความปลอดภัยโดยเฉพาะ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และสรุปความหมายทั่วไป ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลและตรวจจับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งจะช่วยยกระดับความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างมาก

ในฐานะที่เป็นผู้ช่วย AI, Security GPT ช่วยปรับกระบวนการทำงานด้านความปลอดภัยให้คล่องตัวขึ้น โดยอนุญาตให้นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยใช้ Natural Language ในการวิเคราะห์ภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว ช่วยลดเวลาในการตรวจสอบจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที

Generative AI Assistant—Security GPT 3

การล่าภัยเชิงรุกที่สนับสนุนโดย Threat Intelligence

ฟีเจอร์การติดตามภัยคุกคามเชิงรุก(Threat Hunting) ของ Omni-Command ช่วยให้ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลสำคัญ เช่น ที่อยู่ IP, ไฟล์ หรือชื่อโดเมน เพื่อค้นหาการแจ้งเตือนและค้นหาเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบได้ทันที ซึ่งช่วยในการระบุการโจมตีที่กำลังดำเนินอยู่และเคยเกิดขึ้นในอดีตได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีการรวบรวมข้อมูล Threat Intelligence ล่าสุด ทั้งภายในองค์กรและจากภายนอกเข้ากับแพลตฟอร์ม ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยก้าวล้ำหน้าภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่กำลังพัฒนาอยู่เสมอ

Proactive Threat Hunting Supported by Threat Intelligence

การตรวจสอบและวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว

Omni-Command ช่วยให้การตรวจสอบเหตุการณ์คล่องตัวขึ้นด้วยการแสดงภาพเหตุการณ์ในห่วงโซ่การโจมตีที่เชื่อมโยงกัน ห่วงโซ่นี้แสดงรายละเอียดเชิงลึกของการโจมตี เช่น เวลาและลำดับของเหตุการณ์ เครื่องมือตรวจจับที่เกี่ยวข้อง และกลยุทธ์และเทคนิคของฝ่ายตรงข้ามที่ใช้ โดยอิงตามกรอบ MITRE ATT&CK สิ่งนี้ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถระบุสาเหตุของการโจมตีและขอบเขตของผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้การแก้ไขปัญหาช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์

Rapid Investigation and Analysis

การตอบสนองต่อเหตุการณ์อัตโนมัติ

Omni-Command มีความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์อัตโนมัติผ่านโมดูล SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response) ที่พร้อมใช้งาน ระบบอนุญาตให้คุณกำหนด "Playbooks" เพื่อระบุวิธีที่ส่วนประกอบต่างๆ ของแพลตฟอร์มสามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ตรวจพบโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วและลดผลกระทบให้น้อยที่สุด แม้ในช่วงนอกเวลางาน

คุณสามารถเลือกใช้เพลย์บุ๊คที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ภัยคุกคามทั่วไป หรือสร้างเพลย์บุ๊คของคุณเองเพื่อปรับแต่งการตอบสนองตามความต้องการของคุณ Omni-Command รองรับการทำงานร่วมกับโซลูชันด้านความปลอดภัยของบุคคลภายนอกที่หลากหลาย เพื่อดำเนินการตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

Automated Incident Response

ฟีเจอร์และความสามารถสำคัญของ Omni-Command

99% Threat Detection Accuracy

ความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม 99%

Omni-Command ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Security GPT และเครื่องมืออันทรงพลังอื่น ๆ เพื่อตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงได้อย่างแม่นยำ 99% รวมถึงการโจมตีแบบ Zero-Day, Ransomware และ APT ภายใน 5 นาที

90% Decrease in False Positives

ลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดลง 90%

Omni-Command ช่วยลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดลงถึง 90% ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่งอย่างชาญฉลาด และรวมการแจ้งเตือนจำนวนมากให้กลายเป็นเหตุการณ์ที่สามารถดำเนินการได้จริง ช่วยลดปัญหาความเหนื่อยล้าจากการเห็นการแจ้งเตือนที่ผิดพลาดได้อย่างมาก

90% Faster Investigation

การตรวจสอบที่เร็วขึ้น 90%

Omni-Command ช่วยลดเวลาในการตรวจสอบจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที ผ่านการวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียด การบูรณาการ Security GPT ยังช่วยเร่งกระบวนการตรวจสอบอีกด้วย โดยอนุญาตให้นักวิเคราะห์ใช้ภาษาธรรมดาในการสอบถามและวิเคราะห์

50% Reduction in Security Operations Costs

50% Reduction in Security Operations Costs

Omni-Command streamlines security operations by consolidating various tools with one vendor, cutting costs by 50%. Its compatibility with diverse security tools further enhances data unification, increasing operational efficiency and cost savings.

ติดต่อกับพวกเรา

icon notification

Sangfor Security GPT: Your AI-Powered Security Operations Assistant

video-image
Sangfor Security GPT: Your AI-Powered Security Operations Assistant

Omni-Command XDR FAQs

ตอบ: Extended Detection and Response (XDR) เป็นแนวทางด้านความปลอดภัยไซเบอร์แบบองค์รวม ซึ่งจะรวมเทคโนโลยีต่างๆ เช่น การป้องกันอุปกรณ์ การวิเคราะห์เครือข่าย และ Threat Intelligence ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร ส่งผลให้การตรวจจับ การตรวจสอบ และการตอบสนองต่อภัยคุกคาม throughout (ทุกจุด) ในสภาพแวดล้อมด้าน IT ทั้งหมดทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตอบ: XDR และ Network Detection and Response (NDR) มีขอบเขตและจุดเน้นที่แตกต่างกัน XDR ให้มุมมองด้านความปลอดภัยโดยรวมผ่านการบูรณาการข้อมูลจากอุปกรณ์ เครือข่าย และสภาพแวดล้อมคลาวด์ เพื่อการวิเคราะห์ความปลอดภัยที่กว้างขวางกว่า ในขณะที่ NDR มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบทราฟิกเครือข่ายโดยเฉพาะ เพื่อระบุและรับมือกับภัยคุกคามภายในโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย

ตอบ: XDR เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการยกระดับกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่มีระบบ IT ที่ซับซ้อน ประกอบด้วยอุปกรณ์ปลายทางจำนวนมาก เครือข่ายแบบกระจาย และทรัพย์สินบนคลาวด์ XDR มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับองค์กรในภาคธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลเข้มงวด เช่น ธุรกิจการเงินหรือสาธารณสุข ซึ่งต้องการลดความซับซ้อนในการจัดการเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่หลากหลาย

คำตอบ: Omni-Command เป็นโซลูชัน XDR ที่เรียงลำดับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยด้วยแพลตฟอร์มที่มีความสมดุลและเป็นระบบเดียวกัน ทำให้การบริหารจัดการกับหลายชุดความปลอดภัยเป็นเรื่องง่ายขึ้น มีฟีเจอร์การวิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบจริง (E+N: Endpoint + Network) เพื่อการบริหารจัดการเหตุการณ์ร่วมกันและใช้เทคโนโลยี AI ขั้นสูงสำหรับดำเนินงานด้านความปลอดภัย รวมถึงการนำเข้า Security GPT เพื่อการวิเคราะห์ภาษาธรรมชาติและการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน SecOps อีกด้วย ในขณะที่ Cyber Command เน้นที่ Network Detection and Response (NDR) โดยเด่นในการตรวจจับความเสี่ยงในระดับเครือข่าย ด้วยเครื่องมือเช่น Golden Eye สำหรับการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนของพฤติกรรมการโจมตีและความสามารถในการตอบสนองเหตุการณ์แบบอัตโนมัติโดยใช้ SOAR ในขณะที่ Cyber Command เน้นที่ความเสี่ยงในเครือข่าย Omni-Command ให้มุ่งเน้นในการมองตัวอย่างทั่วไปของด้านความปลอดภัยต่างๆ

คำตอบ: Omni-Command ปรับปรุงการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยการจัดการข้อมูลความเสี่ยงให้เป็นศูนย์กลาง เพื่อเสริมการทำงานร่วมกันและเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ กระบวนการทำงานอัตโนมัติและความสามารถในการจัดการงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้ทีมความปลอดภัยสามารถมุ่งเน้นงานที่มีผลกระทบสูงได้มากขึ้น Integration กับ Security GPT ยกระดับการดำเนินงานอีกต่อไป ช่วยให้การวิเคราะห์ความเสี่ยงที่ได้ผ่านภาษาแบบ Natural Language เป็นไปอย่างรวดเร็ว ลดเวลาในการสอบสวนอย่างมาก