ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเปลี่ยนการดำเนินงานในทุกด้านตั้งแต่การดูแลสุขภาพไปจนถึงการเงิน  อีกทั้ง AI นั้นมีผลกระทบต่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) อย่างมีนัยสำคัญ การนำอัลกอริธึมขั้นสูงและ Machine Learning มาใช้งาน สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับภัยคุกคาม การตอบสนองต่อเหตุการณ์แบบอัตโนมัติ และการคาดการณ์ช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ

ความสำคัญของ Artificial Intelligence (AI) ในการยกระดับความปลอดภัย

เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Artificial Intelligence คือ ระบบที่ไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันขององค์กรเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาข้อมูลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Data) ในโลกดิจิทัลเชิงรุกอีกด้วย นี่คือประเด็นสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ AI ในด้านความปลอดภัย

  • ความเร็วและการวิเคราะห์ที่เหนือระดับ: AI สามารถคัดกรองข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Traffic ภายใน Network, System Log หรือกิจกรรมของผู้ใช้ก็ตาม จึงสามารถตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งวิธีการแบบดั้งเดิมอาจตรวจไม่พบ การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์นี้ช่วยให้สามารถระบุและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกัน Ransomware และการโจมตีแบบ Phishing
  • การป้องกันที่พัฒนาต่อเนื่องเพื่อรับมือกับความซับซ้อน: อาชญากรไซเบอร์ทำการพัฒนากลยุทธ์การโจมตีใหม่ๆ  อยู่ตลอดเวลา ทำให้ความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวของ AI มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยการวิเคราะห์การโจมตีในอดีตและข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม ระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถพัฒนาวิธีการตรวจจับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง สร้างความได้เปรียบให้กับองค์กรในการป้องกันภัยคุกคาม เช่น การนำ Next-Generation Firewall (NGFW) มาใช้ร่วมกับ AI เพื่อป้องกันมัลแวร์ต่างๆ ก่อนที่จะเกิดการโจมตี
  • ประสิทธิภาพและความแม่นยำที่มากขึ้น: นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย (Security Analyst) ต้องเผชิญกับข้อมูลจำนวนมาก ทำให้ยากที่จะระบุภัยคุกคามจริง โดย AI ในระบบอย่างระบบ EDR และ MDR สามารถทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างอัตโนมัติ พร้อมมีความรวดเร็วและแม่นยำสูง ช่วยให้บุคลากรด้านไอทีมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่มีความซับซ้อนมากกว่า
  • การตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อระบุรูปแบบและความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ทำให้สามารถตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามเชิงรุก แทนที่จะเพียงแค่ตอบสนองต่อการโจมตีหลังจากที่เกิดขึ้น อีกทั้ง อัลกอริทึมการเรียนรู้ของ Machine Learning สามารถปรับตัวเข้ากับภัยคุกคามใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้มาตรการรักษาความปลอดภัยมีความคล่องตัวมากขึ้น
  • การติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ที่ดีขึ้น: AI สามารถวิเคราะห์กิจกรรมของผู้ใช้และระบุการเบี่ยงเบนจากรูปแบบพฤติกรรมปกติ ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการตรวจจับภัยคุกคามภายในหรือบัญชีที่ถูกแฮก เช่น เวลาการเข้าถึงระบบที่ผิดปกติ หรือการพยายามเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้น โดยกิจกรรมน่าสงสัยเหล่านี้สามารถกระตุ้นการแจ้งเตือนเพื่อให้เกิดการตรวจสอบและระบุภัยคุกคามได้นั่นเอง

Role of Artificial Intelligence (AI) in Threat Detection

ภาพรวมของการตรวจจับภัยคุกคาม

การตรวจจับภัยคุกคาม เริ่มต้นที่การวิเคราะห์ระบบนิเวศด้านความปลอดภัยขององค์กร เพื่อระบุกิจกรรมที่เป็นอันตรายที่อาจส่งผลต่อเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่มุ่งเน้นการระบุการละเมิดความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นในระบบ นอกจากนี้ยังต้องทำการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจหาความผิดปกติ ช่องโหว่ และตัวบ่งชี้การบุกรุก

วิธีการตรวจจับภัยคุกคามแบบดั้งเดิมจะพึ่งพากฎที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและการตรวจจับตามลายเซ็น (Signature-based Dectection) ในขณะที่การตรวจจับภัยคุกคามสมัยใหม่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Artificial Intelligence และ Machine Learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากแบบเรียลไทม์ ช่วยในการระบุรูปแบบและพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ วิธีการเชิงรุกนี้ช่วยให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนได้เร็วขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองได้เร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

วิธีการในการตรวจจับภัยคุกคาม

  • การตรวจจับตามลายเซ็น (Signature-based Dectection): วิธีนี้เปรียบเทียบกิจกรรมกับฐานข้อมูลของภัยคุกคามที่รู้จักและลายเซ็นมัลแวร์ มีประสิทธิภาพในการต่อต้านภัยคุกคามที่รู้จักกันดี แต่อาจพลาดการโจมตีแบบ Zero-Day รวมถึง Ransomware รูปแบบใหม่ๆ
  • การตรวจจับความผิดปกติ (Anomaly Detection): วิธีการนี้จะเริ่มจาการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และระบบเพื่อระบุกิจกรรมที่ผิดปกติ ที่อาจบ่งชี้ถึงภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
  • ข่าวกรองภัยคุกคาม (Threat Intelligence): การใช้ข้อมูลภายนอกเกี่ยวกับภัยคุกคามที่รู้จักและกลยุทธ์ของผู้โจมตีช่วยในการระบุการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นตามแนวโน้มปัจจุบัน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการอัปเดต ไฟร์วอลล์ (Firewall) ให้ทันต่อภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น
  • การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และอุปกรณ์ (UEBA): มุ่งเน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้และอุปกรณ์เพื่อระบุกิจกรรมที่น่าสงสัย
  • การจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย (SIEM): SIEM รวมศูนย์บันทึกและข้อมูลความปลอดภัยจากแหล่งต่างๆ ช่วยให้สามารถวิเคราะห์และตรวจจับภัยคุกคามได้ รวมถึงการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลผ่านระบบ Data Loss Prevention

บทบาทของ Artificial Intelligence ในการตรวจจับภัยคุกคาม

การตรวจจับความผิดปกติขั้นสูง 

การตรวจจับความผิดปกติ หรือ Anomaly Detection คือ วิธีการตรวจจับภัยคุกคามแบบดั้งเดิมพึ่งพาลายเซ็นที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อระบุภัยคุกคามที่เป็นที่รู้จัก แต่ AI มีความโดดเด่นในการวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่จากการจราจรในเครือข่าย พฤติกรรมผู้ใช้ และบันทึกในระบบ ทำให้การตรวจจับแบบ Anomaly Detection สามารถเห็นผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีรูปแบบใหม่ ความสามารถนี้ช่วยให้สามารถระบุภัยคุกคามแบบ Zero-day ซึ่งเป็นช่องโหว่ใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน

เพิ่มประสิทธิภาพข่าวกรองภัยคุกคาม 

Generative AI เป็นหนึ่งในรูปแบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถวิเคราะห์โค้ดและการจราจรในเครือข่ายจำนวนมากโดยอัตโนมัติเพื่อระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน นักวิเคราะห์ความปลอดภัยจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การสืบสวนที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ อีกทั้ง AI ยังสามารถสร้างรายงานและข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับลักษณะของภัยคุกคาม ช่วยให้ทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้าใจภัยคุกคามใหม่ๆ อย่างลึกซึ้งมากขึ้น

การทำงานอัตโนมัติสำหรับงานที่ทำซ้ำซ้อน

ทีมรักษาความปลอดภัยมักต้องเจอกับการแจ้งเตือนจำนวนมากจากระบบรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิม เพื่อช่วยลดภาระดังกล่าว AI สามารถทำให้กระบวนการวิเคราะห์การแจ้งเตือนเหล่านี้เป็นไปโดยอัตโนมัติ พร้อมคัดกรองการแจ้งเตือนที่เป็นเท็จออกไป และจัดลำดับความสำคัญของการแจ้งเตือน ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าของบุคลากรด้านความปลอดภัย และช่วยให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามที่มีความอันตรายสูงได้

การตรวจจับภัยคุกคามเชิงคาดการณ์ 

AI สามารถวิเคราะห์การโจมตีในอดีตและแหล่งข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม เพื่อวิเคราะห์รูปแบบและคาดการณ์การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถดำเนินมาตรการป้องกันและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบป้องกันก่อนที่จะเกิดการโจมตี วิธีการเชิงรุกนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ

การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้และอุปกรณ์ (UEBA)

ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถใช้ AI ในการติดตามกิจกรรมของผู้ใช้และระบุการเปลี่ยนแปลงจากพื้นฐานที่กำหนดไว้ เช่น ภัยคุกคามภายใน หากพนักงานพยายามเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในลักษณะที่น่าสงสัยอย่างการตกเป็นเหยื่อของการ Phishing ซึ่งระบบ AI สามารถแจ้งเตือนเพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติม

ประโยชน์ของการตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI

การตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย Artificial Intelligence มอบประโยชน์หลายประการในการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยทางไซเบอร์

  • การระบุภัยคุกคามที่เหนือกว่าAI มีความโดดเด่น - ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลจาก Traffic ในเครือข่าย พฤติกรรมผู้ใช้ และ System Log ทำให้สามารถระบุความผิดปกติเล็กๆ ที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น ภัยคุกคามแบบ Zero-day และ Ransomware
  • เวลาตอบสนองที่เร็วขึ้น - การตรวจจับแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญในการลดความเสียหายจากการโจมตีทางไซเบอร์ โดย AI สามารถตรวจพบภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยตอบสนองได้เร็วขึ้น ดำเนินการ และหยุดการบุกรุกก่อนที่จะเกิดขึ้น
  • ข่าวกรองภัยคุกคามที่ดีขึ้น - Generative AI ทำให้การวิเคราะห์โค้ดและการจราจรในเครือข่ายจำนวนมากเป็นไปโดยอัตโนมัติ ช่วยให้นักวิเคราะห์ความปลอดภัยสามารถมุ่งเน้นไปที่การสืบสวนที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ AI ยังสามารถสร้างรายงานและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะของภัยคุกคาม
  • ลดความเหนื่อยล้าจากการแจ้งเตือน - ระบบรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมมักจะแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บุคลากรด้านความปลอดภัยต้องตรวจสอบเหตุการณ์จำนวนมาก ทั้งนี้ AI สามารถช่วยจัดเรียงการแจ้งเตือนตามความสำคัญ มุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งช่วยลดความเหนื่อยล้าจากการแจ้งเตือน และทำให้มั่นใจว่าทีมรักษาความปลอดภัยมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาที่น่ากังวลที่สุด
  • การตรวจจับภัยคุกคามเชิงรุก - AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตและข่าวกรองภัยคุกคามเพื่อคาดการณ์การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต วิธีการเชิงรุกนี้ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถดำเนินมาตรการป้องกัน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกัน ก่อนที่เกิดการโจมตี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
  • ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น - AI ทำให้งานที่ต้องทำซ้ำๆ เกี่ยวกับการตรวจจับภัยคุกคามเป็นไปโดยอัตโนมัติ เช่น การวิเคราะห์บันทึกและการกรองการแจ้งเตือน ช่วยให้บุคลากรด้านความปลอดภัยสามารถมุ่งเน้นไปที่การริเริ่มเชิงกลยุทธ์ การสืบสวน และการวางแผนความปลอดภัยโดยรวม
  • การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น - ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของภัยคุกคามตามความรุนแรงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น AI ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดได้รับความสนใจและได้รับการแก้ไข
  • การเรียนรู้และการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง - ระบบที่ใช้ AI มีการเรียนรู้และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถวิเคราะห์การโจมตีในอดีตและรวมข่าวกรองภัยคุกคามใหม่ๆ ช่วยปรับปรุงความสามารถในการตรวจจับตลอดเวลาต่อกรกับวิวัฒนาการของอาชญากรไซเบอร์

Benefits of AI-backed Threat Detection

ความท้าทายและข้อจำกัดของการตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI

แม้ว่าการตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย Artificial Intelligence จะมอบประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายและข้อจำกัดด้วยเช่นกัน ดังนี้

  • คุณภาพและความพร้อมใช้งานของข้อมูล: โมเดล AI พึ่งพาข้อมูลคุณภาพสูงในการตรวจจับภัยคุกคามที่แม่นยำ เนื่องจากข้อมูลที่ไม่ถูกต้องสามารถนำไปสู่การแจ้งเตือนที่เป็นเท็จ (False Positives) หรือเกิดข้อผิดพลาดในการตรวจจับภัยคุกคามจริง (False Negatives) ซึ่งอาจทำให้พลาดการตรวจจับ Ransomware หรือการโจมตีร้ายแรงอื่นๆ
  • ความสามารถในการอธิบายและความโปร่งใส: อัลกอริทึม AI บางตัวอย่างโมเดล Deep Learning อาจมีประสิทธิภาพ แต่ไม่มีความโปร่งใสในการให้เหตุผล จึงยากที่จะเข้าใจว่าทำไมระบบ AI จึงระบุบางสิ่งว่าเป็นภัยคุกคาม ซึ่งอาจนำไปสู่การมองข้ามภัยคุกคาม
  • ความเสี่ยงต่อการโจมตีแบบปรปักษ์: ผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถพยายามจัดการกับโมเดล AI โดยการป้อนข้อมูลที่เป็นพิษหรือสร้างการโจมตีที่เลียนแบบพฤติกรรมปกติ เช่น การปลอมแปลงการโจมตีแบบ Phishing ซึ่งสามารถหลอกให้ AI มองข้ามภัยคุกคามได้
  • ความซับซ้อนและความเชี่ยวชาญ: การนำระบบรักษาความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้และบำรุงรักษาอาจมีความซับซ้อน โดยต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในการกำหนดค่าและดำเนินการระบบเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลักษณะของภัยคุกคามที่วิวัฒนาการ: อาชญากรไซเบอร์พัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา แม้ว่า AI จะสามารถปรับตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจมีปัญหาในการตามทันภัยคุกคามที่ใหม่และมีความซับซ้อน
  • ความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว: การตรวจจับภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI มักเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว และองค์กรต้องมั่นใจว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่เหมาะสม

แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของ AI ในการตรวจจับภัยคุกคาม

  • Explainable AI (XAI): เมื่อระบบ AI มีความซับซ้อนมากขึ้น จึงมีความต้องการ Explainable AI เกิดขึ้น หรือก็คือการพัฒนาโมเดล AI ที่สามารถอธิบายถึงการตัดสินใจและให้เหตุผลที่โปร่งใสเบื้องหลังการตรวจจับภัยคุกคาม พูดได้ว่า XAI มีความสำคัญในการสร้างความไว้วางใจในระบบ AI และช่วยในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์กับปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ภัยคุกคาม
  • การตรวจจับภัยคุกคามแบบ Zero-Day: อัลกอริทึม AI กำลังวิวัฒนาการเพื่อตรวจจับภัยคุกคามแบบ Zero-day โมเดล AI ขั้นสูงสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมและรูปแบบ เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงภัยคุกคามแบบ Zero-day ซึ่งนำไปสู่ความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามเชิงรุกที่ดีขึ้น
  • การวิเคราะห์พฤติกรรม: การวิเคราะห์พฤติกรรมด้วย AI มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจพฤติกรรมปกติของผู้ใช้และระบบ เพื่อระบุการเบี่ยงเบนที่อาจบ่งชี้ถึงกิจกรรมที่เป็นอันตราย ด้วยการใช้ AI สำหรับการวิเคราะห์พฤติกรรม องค์กรสามารถตรวจจับภัยคุกคามภายใน APT และการโจมตีอื่นๆ ที่ระบบการตรวจจับแบบดั้งเดิมอาจพลาด
  • การทำงานอัตโนมัติและการประสานงาน: การทำงานอัตโนมัติและการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังปรับปรุงกระบวนการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม ระบบเหล่านี้สามารถคัดแยกการแจ้งเตือน เชื่อมโยงข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม และเริ่มการดำเนินการตอบสนองโดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาในการตรวจจับและบรรเทาภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความปลอดภัยในการประมวลผลแบบ Edge: ด้วยการขยายตัวของอุปกรณ์ Edge Computing และระบบนิเวศอุปกรณ์ IoT ระบบ AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย Edge โซลูชันการตรวจจับภัยคุกคามด้วย AI กำลังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อปกป้องอุปกรณ์ Edge ประกอบกับวิเคราะห์ข้อมูลในพื้นที่เพื่อการตอบสนองที่เร็วขึ้น และป้องกันการละเมิดความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมแบบกระจาย  (Distributed Environment)
  • การล่าภัยคุกคามด้วย AI: AI กำลังเพิ่มขีดความสามารถในการล่าภัยคุกคามโดยเสริมพลังให้นักวิเคราะห์ความปลอดภัยด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงและข่าวกรองภัยคุกคาม แพลตฟอร์ม การล่าภัยคุกคามด้วย AI สามารถค้นหาตัวบ่งชี้การบุกรุก (IOCs) เชิงรุก ระบุรูปแบบการโจมตี และค้นพบภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ในเครือข่ายที่ซับซ้อน
  • AI ที่รักษาความเป็นส่วนตัว: เมื่อกฎระเบียบด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลมีความเข้มงวดมากขึ้น จึงมีการมุ่งเน้นการพัฒนาเทคนิค AI ที่รักษาความเป็นส่วนตัวสำหรับการตรวจจับภัยคุกคาม เกี่ยวข้องกับการใช้โมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่เข้ารหัสหรือทำการคำนวณโดยไม่ต้องเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยตรง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎหมายความเป็นส่วนตัวในขณะที่รักษามาตรการความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง

บทบาทของ AI ในโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Sangfor

  • การตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง - Engine Zero ของ Sangfor คือ เครื่องมือตรวจจับมัลแวร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Artificial Intelligence ซึ่งใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์และเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้สามารถระบุมัลแวร์ใหม่ๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักได้อย่างแม่นยำสูง รวมถึงการป้องกัน Ransomware รูปแบบใหม่
  • Security GPT - นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่ใช้ประโยชน์จาก Generative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโซลูชันความปลอดภัย โดย Security GPT มีความแม่นยำสูงถึง 99% ในการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงและลดเวลาในการตรวจสอบได้อย่างมากผ่านการปรับปรุงกระบวนการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ
  • Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์มนี้ใช้ AI ในการต่อสู้กับ AI ที่ถูกใช้เป็นอาวุธและช่วยในการล่าภัยคุกคาม มอบการป้องกันที่ครอบคลุมจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ใช้ AI โดย Sangfor's Cyber Command ซึ่งเป็นโซลูชัน Network Detection & Response (NDR) ที่ใช้ AI ในการวิเคราะห์และเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆ ในเครือข่าย ทำให้สามารถเชื่อมโยงจุดระหว่างเหตุการณ์ที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันและค้นพบภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ ซึ่งโซลูชันรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมอาจมองข้าม
  • Cyber Guardian Managed Detection and Response (MDR) - บริการ Cyber Guardian MDR ของ Sangfor ใช้เทคโนโลยี AI ที่สร้างขึ้นมา โดยเฉพาะการตรวจจับภัยคุกคามที่แม่นยำและให้คำแนะนำในการตอบสนองที่เหมาะสม

สำหรับข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่หลากหลายของเรา ติดต่อเราได้ที่ www.sangfor.com หรือติดต่อเราที่ marketing@sangfor.com  

คำถามที่พบบ่อย

1. AI ในการตรวจจับภัยคุกคามคืออะไร?

AI ในการตรวจจับภัยคุกคาม หมายถึง การใช้เทคโนโลยี Artificial Intelligence เช่น Machine Learning และ Deep Learning เพื่อช่วยในการระบุ วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์

2. AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างไร?

AI ปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคามด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว สามารถค้นหารูปแบบและความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงภัยคุกคาม AI มอบการตรวจจับที่เร็วและแม่นยำกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม

3. AI สามารถตรวจจับภัยคุกคามประเภทใดได้บ้าง? 

AI สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้หลากหลาย รวมถึงมัลแวร์ การโจมตีแบบฟิชชิ่ง แรนซัมแวร์ ภัยคุกคามจากภายใน และช่องโหว่แบบ Zero-day นอกจากนี้ยังสามารถระบุพฤติกรรมเครือข่ายที่ผิดปกติและความพยายามในการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

4. Machine Learning มีส่วนช่วยในการตรวจจับภัยคุกคามอย่างไร? 

อัลกอริทึม Machine Learning วิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อเรียนรู้ว่าพฤติกรรมปกติเป็นอย่างไร จากนั้นใช้ความรู้นี้ในการตรวจจับความผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงภัยคุกคาม เมื่อเวลาผ่านไป อัลกอริทึมเหล่านี้จะปรับปรุงความแม่นยำโดยการเรียนรู้จากข้อมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง

5. ประโยชน์ของการใช้ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามคืออะไร? 

การใช้เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์มากมาย สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้เร็วขึ้นและให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากขึ้น ช่วยลดข้อผิดพลาดและสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังค้นหาภัยคุกคามเชิงรุกและสามารถตอบสนองต่อภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

6. ข้อจำกัดของ AI ในการตรวจจับภัยคุกคามมีอะไรบ้าง? 

ข้อจำกัดของระบบนี้เกี่ยวข้องกับความต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง อาจมีอคติในอัลกอริทึมที่ใช้ การนำระบบไปใช้อาจมีความซับซ้อน และยังมีความเสี่ยงจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นกับระบบ

People Also Ask

AI in threat detection refers to the use of artificial intelligence technologies, such as machine learning and deep learning. This helps identify, analyze, and respond to cybersecurity threats in real time.

AI improves threat detection by analyzing large amounts of data quickly. It finds patterns and anomalies that could indicate a threat. AI offers faster and more precise detection than traditional methods.

AI can detect a wide range of threats, including malware, phishing attacks, ransomware, insider threats, and zero-day exploits. It can also identify unusual network behavior and unauthorized access attempts.

Machine learning algorithms analyze historical data to learn what normal behavior looks like. Then use this knowledge to detect anomalies that could indicate a threat. Over time, these algorithms improve their accuracy by continuously learning from new data.

Using this technology has many benefits. It can detect threats faster and provide more accurate results. It also helps reduce mistakes and can process large amounts of data efficiently. Additionally, it actively searches for threats and can respond quickly to any potential dangers.

The limitations of this system involve the requirement of accurate data. There may be biases in the algorithms used. Implementing the system can be complex. There is also a risk of potential attacks on the system.

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

Building a Business Case for SASE: A Guide for IT Leaders on Presenting SASE to C-Level Executives

Date : 10 Apr 2025
Read Now
Cyber Security

ทำความเข้าใจ DeepSeek และข้อสังเกตด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

Date : 12 Feb 2025
Read Now
Cyber Security

Turkish Cybersecurity Law: A New Dawn for Cybersecurity in Turkey

Date : 09 Apr 2025
Read Now

See Other Product

Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)
Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE