ทำไมเราถึงควรให้ความสนใจกับการโจรกรรมคริปโตในช่วง Black Friday หรือ Cyber Monday  ด้วยล่ะ ก็เพราะว่าสกุลเงินดิจิทัล หรือ Cryptocurrency อาจกำลังกลายเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดของคุณในอนาคตอันใกล้นี้

การขโมยเงินสด บัตรเครดิต งานศิลปะ และเครื่องประดับมูลค่ากว่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเรื่องที่พบเห็นและทำความเข้าใจง่ายกว่าการโจรกรรมหรือการหลอกลวงทางคริปโต (Crypto) การทำความเข้าใจการโจรกรรมคริปโตมูลค่า 230 ล้านถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย และคำอธิบายอาจกลายเป็นเรื่องที่สับสนมากสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งรวมไปถึงเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและระบบกฎหมายด้วย

คริปโตมูลค่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถูกขโมยโดย Lam และ Serrano ถือเป็นหนึ่งในการโจรกรรมคริปโตเคอเรนซี ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้ว่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นตัวเลขที่มาก แต่ก็เป็นเพียงบิตคอยน์ (Bitcoin) จำนวนแค่  4100 เหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มูลค่าเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นของเหรียญสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะดึงดูดการโจรกรรมมากขึ้น

เรื่องราวเบื้องหลังการโจรกรรมคริปโต ของ Lam Serrano แสดงให้เห็นถึงอาชญากรรมใหม่ที่ท้าทาย ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังคงพยายามทำความเข้าใจอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการปลอมตัวเป็นพนักงาน Google การขโมยคริปโตเคอเรนซี และการฟอกเงินดิจิทัลในระดับโลกท่ามกลางกิจการที่ขาดการควบคุม

การโจรกรรมคริปโตคืออะไร?

การโจรกรรมคริปโตมีความคล้ายคลึงกับการโจมตีด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) อื่นๆ ที่แฮกเกอร์มักมองหาช่องโหว่ภายในโครงสร้างพื้นฐานไอที (IT Infrastructure) แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์มือถือ เพื่อเข้าถึงข้อมูลประจำตัวชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน 

แฮกเกอร์มักจะเล็งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชน (ฺBlockchain) พยายามแฮ็กเข้าสู่บัญชีแยกประเภท รวมถึงมองหาช่องโหว่ภายในอุปกรณ์มือถือที่มีกระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallets) และพยายามยึดกระบวนการขุดคริปโต

แฮกเกอร์จะใช้วิศวกรรมสังคม (Social Engineering) และอีเมลฟิชชิ่ง (Email Phishing) เพื่อหลอกลวงให้เหยื่อเปิดเผยรหัสของกระเป๋าเงินคริปโตของพวกเขา

Lam Serrano Crypto Heist: The Story Behind the $230M Bitcoin Theft

ข่าวการโจรกรรมคริปโตและอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น: การโจรกรรมคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในปี 2024 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การขโมยประวัติทางการแพทย์หรือข้อมูลส่วนบุคคลจะเป็นเหตุการณ์ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากกว่าการโจรกรรมคริปโต ดังนั้นมาดูกันว่าเหตุการณ์การโจรกรรมคริปโตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นมีอะไรบ้าง

  • การโจรกรรมของ Lam และ Serrano 

Malone Lam อายุ 20 ปี และ Jeandiel Serrano อายุ 21 ปี ได้บิตคอยน์จำนวนมากกว่า 4,100 เหรียญ โดยมีมูลค่ากว่า 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านการฉ้อโกง แฮกเกอร์คริปโตทั้งสองรายนี้คุกคามเหยื่อของพวกเขา เพื่อให้เข้าถึงกระเป๋าเงินคริปโต และโอนบิตคอยน์ ไปยังกระเป๋าเงินที่พวกเขาควบคุมอย่างลับๆ

อีกทั้งแฮกเกอร์ทั้งสองพยายามฟอกเงินบิตคอยน์ที่ขโมยมา ผ่านการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยด้วยการซื้อรถหรู เดินทางข้ามประเทศ เช่าบ้านระดับไฮเอนด์ ซื้อนาฬิกา และสินค้าราคาแพงอื่นๆ พร้อมใช้ชีวิตอย่างหรูหรา

นอกจากนี้ Bitcoin เป็นที่ยอมรับสำหรับธุรกรรมระดับไฮเอนด์หลายรายการ อีกทั้งยังมีส่วนในการขยายความสามารถของผู้ใช้ ด้วยการหลบซ่อนจากการบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานภาษีในปัจจุบัน

  • Ronin Network 

แฮกเกอร์ได้ขโมยบิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเธอเรียม (Ethereum) มูลค่ากว่าครึ่งพันล้านดอลลาร์จาก Ronin Network ซึ่งเป็นบล็อกเชน ที่รองรับเกมวิดีโอที่ใช้ Token ทำให้เป็นการโจรกรรมบิตคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในปี 2022 แฮกเกอร์ประสบความสำเร็จในการเจาะเข้าถึง Node ที่จัดการธุรกรรมทั้งหมด จะเห็นได้ว่าแม้แต่ในโลกของเกม การฟอกเงินก็เป็นปัญหาระดับโลกสำหรับการบังคับใช้กฎหมาย อีกทั้งการซื้อ-ขายบิตคอยน์ระหว่างผู้เล่นในเกมทำให้การติดตามสินทรัพย์เหล่านี้ยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น

เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เชี่ยวชาญในการโจมตีการขโมยบิตคอยน์ เชื่อว่าการโจมตีนี้มาจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่แฝงตัวอยู่ในประเทศเกาหลีเหนือ

โดยจุดเริ่มต้นของทีมแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ คือ การมุ่งเป้าหมายไปยังพนักงาน Sky Mavis ผ่าน LinkedIn  โดยมีจุดประสงค์ คือ ให้วิศวกรของพวกเขาสมัครตำแหน่งงานที่ Sky Mavis เพื่อขยายการเข้าถึงไปยังระบบคริปโต ต่างๆ โดยการจัดการ Token และบุกรุก Miner หรือ Validator จำนวน 5 ราย ด้วยการโจมตีทางวิศวกรรมสังคม (Social Engineering) ทีมแฮกเกอร์ได้ประสบความสำเร็จในการยึด Validator และกุญแจลับ ทำให้แพลตฟอร์มและ IT Infrastructure ทั้งหมดที่จัดการ Token ถูกบุกรุกในที่สุด

  • การแฮ็ก Atomic Wallet: 2023 

แฮกเกอร์คริปโต ทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้ขโมยสกุลเงินไซเบอร์มูลค่าเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี และฟอกเงินผ่านการแลกเปลี่ยนสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี

ในปี 2023 แฮกเกอร์เกาหลีเหนือเล็งเป้าหมายไปที่ผู้ใช้งาน Atomic Wallet ส่งผลให้เกิดการละเมิดคริปโตเคอเรนซี มูลค่ากว่า 100 ล้าน ที่ส่งผลกระทบต่อเหยื่อประมาณ 4,100 ราย โดยแฮกเกอร์เกาหลีเหนือเริ่มการโจรกรรมคริปโต นี้ด้วยอีเมล Phising และจากนั้นโจมตีต่อด้วยการส่งมัลแวร์ (Malware) ไปฝังใน Supply Chain ของ Atomic Wallet

ในเหตุการณ์ดังกล่าว แฮกเกอร์ประสบความสำเร็จในการขโมยคริปโตเคอเรนซีหลายชนิด รวมถึงอีเธอเรียม (Ethereum), Tron, Bitcoin, XRP, DOGE และ Litecoin หลังจากการบุกรุกเริ่มต้น แฮกเกอร์เกาหลีเหนือได้รวบรวมคริปโต ที่ถูกขโมยไปอย่างรวดเร็วผ่านการเชื่อมต่อที่ซับซ้อนหลายชุด ผ่านการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์หลายแห่ง

บทบาทของวิศวกรรมสังคมในการโจรกรรมคริปโต 

การโจรกรรมข้อมูลด้วยวิศวกรรมสังคมหรือ Social Engineering นั้นเป็นวิธีหลักในการหลอกลวงและขโมยสกุลเงินดิจิทัล โดยการโจรกรรมคริปโตส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยวิศวกรรมสังคมรูปแบบใดแบบหนึ่งที่แฮ็กเกอร์จะตรวจสอบโปรไฟล์ LinkedIn, Facebook และแพลตฟอร์มสื่ออื่นๆ เพื่อมองหาคนที่โปรโมทตัวเองว่าเป็น "ผู้เล่นคริปโตระดับโลก" จากนั้นแฮกเกอร์จะใช้ Articifical Intelligence (AI) และ Machine Learning เพื่อสร้างอีเมล ข้อความ และข้อความเสียงจากการทำ Deepfake ที่ออกแบบมาอย่างแนบเนียน ซึ่งปลอมตัวเป็นบุคคลในวงในของเป้าหมาย

วิศวกรรมสังคม มีประสิทธิภาพอย่างมากในการหลอกลวงขโมยสกุลเงินดิจิทัล เพราะผู้คนส่วนใหญ่มักใช้ชื่อนิรนามและมักดำเนินการผ่านดาร์กเว็บ (Dark Web) หรือชุมชนดิจิทัลอย่างลับๆ ทำให้การบุกรุกนั้นง่ายขึ้น หากแฮกเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นคนที่เหยื่อรู้จักหรือไว้วางใจนั่นเอง

วิศวกรรมสังคมกับการโจรกรรมของ Lam Serrano 

Lam และ Serrano สามารถระบุเหยื่อของพวกเขาผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โดยการใช้ประโยชน์จากวิศวกรรมสังคม

การโจรกรรมของ Lam และ Serrano ส่วนใหญ่เล็งเป้าหมายไปยังผู้ที่ถือว่าเป็นผู้เล่นระดับสูงในโลกบิตคอยน์ โดยพวกเขาแอบอ้างเป็นวิศวกรสนับสนุนของ Google และ Gemini เพื่อเข้าถึง Cloud ที่เก็บข้อมูลกุญแจลับ เพื่อเข้าถึง Digital Wallet ของเหยื่อ อีกทั้ง Lam และ Serrano ยังประสบความสำเร็จในการแฮกผ่านการรับรองความถูกต้องแบบหลายปัจจัย Multifactor Authentication (MFA และโอนกุญแจจาก Gemini ไปยังกระเป๋าเงินคริปโตที่ถูกบุกรุก

การว่าจ้างงานปลอมของเกาหลีเหนือ 

แฮกเกอร์เกาหลีเหนือใช้ประโยชน์จากเทคนิควิศวกรรมสังคม รวมถึงการสร้างประกาศงานปลอม โดยหวังที่จะล่อใครสักคนที่ทำงานอยู่ในวงการแลกเปลี่ยนคริปโต ทำหน้าที่ด้านความปลอดภัย หรือพัฒนาแอปพลิเคชันและการสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล  โดยประกาศงานมีลักษณะคล้ายไฟล์ PDF ที่บรรจุมัลแวร์เอาไว้ เมื่อไฟล์ดังกล่าวถูกดาวน์โหลดลงบนอุปกรณ์ของเหยื่อ ก็จะทำให้แฮกเกอร์เกาหลีเหนือสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้นั่นเอง

เหตุผลทางจิตวิทยาที่ทำให้ผู้คนติดกับดักในการหลอกลวงโจรกรรมคริปโต 

ผู้คนที่ซื้อ-ขาย Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อาจมองว่าตัวเองแตกต่างจากนักเทรดปกติ ในขณะที่นักลงทุนทั่วไปยังคงมุ่งเน้นไปที่หุ้น พันธบัตร ETF หรือ IPO นักเทรดคริปโตกลับชื่นชอบตอบแทนจากการซื้อและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ที่เกินความเข้าใจ โดยมองข้ามอันตราย ความเสี่ยง และผลลัพธ์ที่อาจตามมา

อีกปัจจัยคือ “ความโลภ” ที่มีบทบาทสำคัญในวงการคริปโต ให้ลองจินตนาการว่า เราใช้เวลา 20 ปีกับกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ใช้ในการซื้อรถหรูกับตัวแทนจำหน่ายที่เห็นผลตอบแทนจากการได้รับบิตคอยน์เพิ่มขึ้นหลังจากที่รถถูกขายไปแล้ว ซึ่งอาจเป็นเศรษฐกิจใหม่สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์

“อัตตา” หรือ Ego ก็เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ในวงการคริปโตเช่นกัน โดยคนที่เทรดคริปโตจะพอใจก็ต่อเมื่อพวกเขากลายเป็นเศรษฐีพันล้าน เพราะการเป็นเศรษฐีหลักล้านในโลกคริปโตเป็นเรื่องธรรมดาๆ เท่านั้น

หลายคนหลงเชื่อการหลอกลวงคริปโต เพราะพวกเขาหวังที่จะกลายเป็นเศรษฐีพันล้านด้วยเพียงไม่กี่คลิก แฮกเกอร์ติดตามผู้เล่นเหล่านี้ผ่านโพสต์บนสื่อสังคมของพวกเขาที่อวดรถสปอร์ตสุดหรู เรือยอชต์ขนาดใหญ่ หรือวิดีโอตัวเองซื้อนาฬิกา Rolex ให้กับทีมของพวกเขา

แฮกเกอร์ล่าเหยื่อด้วยการหวังผลจาก Ego ของเหยื่อ โดยเสนอผลตอบแทน 3 เท่าจากการเทรดบิตคอยน์ทั่วไป เหยื่อมักมองหาวิธีเพิ่มจำนวนเงินใน Digital Wallet ในขณะที่ต้องการขึ้นเป็นผู้เล่นระดับโลก ส่งผลให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะโอนเงินไปยังผู้หลอกลวงอย่างรวดเร็ว

การหลอกลวงด้วย Fear of Missing Out (FOMO) 

แฮกเกอร์จะใช้จิตวิทยามวลชน ยังล่อลวงคนที่ตกรถหรือมีภาวะกลัวตกกระแส (FOMO) โดยเสนอโอกาสให้พวกเขากลายเป็น "คนวงใน" ในโลกของคริปโต ซึ่งท้ายที่สุดเหยื่อจะสูญเสียเงินลงทุนโดยไม่ไม่โอกาสได้ททวงคืน

เช่นเดียวกับคนดังหลายคน แชมป์ซูเปอร์ Super Bowl อย่าง Tom Brady ได้ลงทุนในคริปโตอย่างหนัก และสูญเสียเงินจำนวน 30 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หลังการล่มสลายของ FTX ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นทูต โดย FTX ล่อลวงนักธุรกิจที่เป็นเศรษฐี นักกีฬา และนักการเมืองให้ลงทุนในบริษัทของพวกเขา

  • ความไว้วางใจและอำนาจ 

เมื่อเทียบกับการลงทุนแบบดั้งเดิม สกุลเงินดิจิทัลถือเป็นสินทรัพย์ที่มีท้าทายในการติดตาม โดย ID ของ Digital Wallet ช่วยปกปิดว่าใครเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ซึ่งช่วยให้ความรู้สึกของการเป็นผู้ “นิรนาม” แก่เจ้าของบิตคอยน์ ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าของคริปโตจึงกลายเป็นผู้รับความเสี่ยงสูง โดยใช้ความเงินที่ได้เพื่อซื้อรถ เรือ เช่าบ้าน และใช้จ่ายไปกับสิ่งของฟุ่มเฟือย

ธุรกิจในระดับโลกยอมรับการชำระเงินผ่าน Bitcoin มากขึ้น ซึ่งปัจจัยนี้เป็นช่องทางให้แฮกเกอร์การฟอกบิตคอยน์ ที่ถูกขโมยมา

อย่างไรก็ดี การบังคับใช้กฎหมายค่อยๆ ตามทันบล็อกเชน สกุลเงินดิจิทัล และการฟอกคริปโต การบังคับใช้กฎหมายมักประสบความสำเร็จในการกู้คืนคริปโตที่ถูกขโมย โดยติดตามผ่านการทำธุรกรรมต่างๆ ที่น่าสงสัยหรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย

  • การยืนยันทางสังคมและแรงกดดันจากเพื่อน 

สังคมคริปโตมีขนาดเล็กกว่ากลุ่ม Facebook, X (Twitter) หรือ Instagram แต่ Ego ก็มีบทบาทสำคัญในกลุ่มสังคมนี้ ผู้เล่นทั่วโลกมักอวดความมั่งคั่งของพวกเขา ในขณะที่นักเทรดที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่าก็ที่ต้องการจะกลายเป็น "อัลฟ่า" จึงมีแนวโน้มที่จะเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงมากขึ้น และตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงในที่สุด

โดยแฮกเกอร์มักตรวจสอบวงสังคมคริปโต เพื่อมองหาเหยื่อที่ติดตามผู้เล่นรายใหญ่ จากนั้นก็เข้าหาพวกเขาด้วยไอเดียการลงทุนคริปโตปลอมๆ ที่รับประกันว่าจะทำให้พวกเขาเป็นนักเทรดชั้นนำในโลกสังคมของพวกเขา

  • อคติทางความคิดและวิธีการแบบ Heuristic 

นักลงทุนที่เข้าใจอคติทางความคิดเกี่ยวกับวิธีและเวลาที่พวกเขาควรลงทุนมีบทบาทสำคัญในการเทรดคริปโต เนื่องจากการเทรดคริปโต เต็มไปด้วยข้อบกพร่อง หลุมพราง และข้อมูลเท็จ แต่ผู้คนยังคงต้องการให้คนอื่นๆ ลงทุนเงินของพวกเขาในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก

การลงทุนบางอย่างจะเป็นการขอคำแนะนำจากผู้อื่นก่อนซื้อบิตคอยน์ อคติจะเกิดขึ้นเมื่อผู้คนแสวงหาคำแนะนำจากผู้อื่นเพื่อยืนยันความเชื่อที่มีอยู่ก่อนเกี่ยวกับการซื้อบิตคอยน์ ซึ่งแฮกเกอร์ที่ใช้ประโยชน์จากปัจจัยนี้ ผ่านการ Phishing โดยแอบอ้างเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ" ในคริปโต และออกกลกลยุทธ์วิศวกรรมสังคม ซึ่งแฮกเกอร์จะล่าเหยื่อโดยอาศัยการขาดความรู้ของเหยื่อในขณะที่ปลุกปั่น Ego ของพวกเขาด้วย "เร็วเข้า ทุกคนกำลังกลายเป็นเศรษฐีพันล้าน!"

มาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์เพื่อป้องกันการโจรกรรมคริปโต 

การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) มีบทบาทสำคัญในการปกป้องสินทรัพย์คริปโต ซึ่งคล้ายคลึงกับการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายองค์กรและความปลอดภัยส่วนบุคคล โดยรายการรักษาความปลอดภัยที่พิสูจน์แล้วว่าทุกคนต้องเปิดใช้งานเพื่อปกป้องสินทรัพย์ ได้แก่

  • รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำกัน - การสร้างรหัสผ่านที่มีรูปแบบซับซ้อนมีความสำคัญในการปกป้องไฟล์ดิจิทัลที่มีข้อมูลและการเข้าถึงกุญแจคริปโต และรายละเอียดต่างๆ
  • การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) - 2FA รวมถึงไบโอเมตริกบนอุปกรณ์และช่องทางออนไลน์ มีความสำคัญในการป้องกันแฮกเกอร์จากการเข้าถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล
  • Hardware Wallet - เมื่อกระเป๋าเงินคริปโตที่ใช้ซอฟต์แวร์ถูกคุกคามมากขึ้น นักเทรดคริปโตระดับโลกมักใช้ประโยชน์จาก Hardware Wallet ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเก็บสกุลเงินดิจิทัล โดย Hardware Wallet ทำให้การแฮกเป็นไปได้ยากขึ้น เมื่อเทียบกับ Digital Wallet ที่เป็นซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว
  • ซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยและการอัปเดตสม่ำเสมอ - เช่นเดียวกับเครือข่าย IT Infrastructure ขององค์กร การแพทช์และการอัปเดตระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์ แอปพลิเคชัน และเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์บนอุปกรณ์ต่างๆ มีความสำคัญในการปกป้องกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นอย่างมาก
  • ความตระหนักเรื่องฟิชชิ่ง (Phishing) - มิจฉาชีพใช้การฟิชชิ่งและวิศวกรรมสังคมเพื่อล่อลวงเหยื่อเข้าสู่การโจรกรรมบิตคอยน์และบุกรุกกระเป๋าเงิน บุคคลควรลงทุนหนึ่งชั่วโมงในหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวกับการทำความเข้าใจฟิชชิ่ง เพื่อระบุเหยื่อล่อได้อย่างรวดเร็ว
  • เครือข่ายที่ปลอดภัย - หลีกเลี่ยง WiFi สาธารณะและใช้ VPN เพื่อปกป้องกระเป๋าเงินดิจิทัลจากแฮกเกอร์ หรือหากต้องการใช้ Wi-Fi สาธารณะ ก็แนะนำให้ใช้ไคลเอนต์ VPN เพื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi ไม่ว่าจะอยู่ที่สนามบิน ร้านกาแฟ หรือที่บ้าน การเชื่อมต่อแบบนี้ช่วยซ่อนตำแหน่ง IP ของอุปกรณ์ได้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
  • การป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรสำหรับการเข้าถึงคริปโต - ผู้ให้บริการโฮสติ้งคริปโต, การแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ และบริษัทที่ลงทุนในคริปโต จำเป็นต้องเพิ่มชั้นการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อรองรับแฮ็กเกอร์รุ่นใหม่ที่มีความรู้ด้านคริปโต โดยการพัฒนาโครงสร้างไอทีปี 2025 นี้ ต้องคำนึงถึง Infrastructure Trend ที่มุ่งเน้นความปลอดภัยมากขึ้น

มาดูกันว่าการสิ่งสำคัญที่องค์กรและผู้ให้บริการควรนำไปใช้ ตรวจสอบ และรักษาไว้ ได้แก่

  • ติดตั้งไฟร์วอลล์ (firewalls) หรืออัปเกรดเป็น Next-Generation Firewall (NGFW) เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
  • ความปลอดภัยในขอบเขตเครือข่าย (Network Perimeter) โซลูชัน EDR หรือระบบตรวจจับปลายทางแบบขยาย (XDR) และการบุกรุกที่ใช้โฮสต์
  • การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการระบุการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง และวิศวกรรมสังคม
  • เพิ่มการรักษาความปลอดภัยของที่เก็บข้อมูลทั้งหมดทั้งแบบออนไซต์และบนคลาวด์ เช่น ระบบ Data Loss Prevention
  • การนำ Zero-Trust มาใช้กับ SASE สำหรับการรับรองความถูกต้องแบบรวมศูนย์บนคลาวด์
  • ดำเนินการประเมินช่องโหว่ ตรวจสอบ และทดสอบการเจาะระบบ โดยใช้บริษัท Third-Party ที่สามอย่างสม่ำเสมอ
  • อัปเดตแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ เพื่อช่วยให้การทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ขับเคลื่อนโดย AI มีประสิทธิภาพ พร้อมกับการ Playback และการรายงานการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
  • ร่วมมือกับผู้ให้บริการความปลอดภัยที่มีการจัดการ เช่น Managed Detection and Response (MDR) จาก Sangfor เพื่อช่วยในการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการตรวจสอบภัยคุกคาม และการแก้ไขสถานการณ์

บทสรุป 

สกุลเงินดิจิทัลเป็นรูปแบบการเงินที่ยังคงไม่หายไปไหน ในอนาคตนายจ้างอาจต้องจ่ายเงินให้พนักงานเป็นสกุลบิตคอยน์แทนสกุลเงินปกติก็ได้ ดังนั้น การเรียนรู้ที่จะปกป้องสินทรัพย์คริปโตสามารถเริ่มต้นด้วยการตระหนักถึงเจตนาของแฮกเกอร์ มิจฉาชีพเหล่านี้อาจเล็งเป้าไปที่สถานที่ทำงาน หรือเพื่อนในสื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงข้อมูลส่วนตัวและองค์กรของคุณ และเสริมมาตรการป้องกันภัยคุกคามใน IT Infrastructure ขององค์กรอย่างรัดกุม เพื่อลดความเสี่ยงท่ามกลางโลกดิจิทัลในปัจจุบัน

ติดต่อทีมที่ Sangfor เพื่อปรึกษาเรื่องการรักษาความปลอดภัย และป้องกันการโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัลได้แล้ววันนี้

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

Cybersecurity in Malaysia: AI Investments on the Rise

Date : 07 Mar 2025
Read Now
Cyber Security

Lee Enterprises Ransomware Crisis Disrupts Payments to Freelance and Contractor

Date : 07 Mar 2025
Read Now
Cyber Security

Top 10 Firewall Hardware Device

Date : 10 Nov 2024
Read Now

See Other Product

Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)
Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE