ในโลกดิจิตอลทุกวันนี้ ความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์และการสูญเสียข้อมูลให้แก่ Hacker อาจเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงแค่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ดังนั้น มาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่ล้ำหน้ามากขึ้นจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจและบุคคลทั่วไปในทุกวันนี้

ที่สำคัญไปกว่านั้น การเสริมมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ บางครั้งองค์กรจะต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการกำจัดช่องโหว่ทางไซเบอร์ของเครือข่ายขององค์กร เพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับการค้นหามัลแวร์และความผิดปกติในระบบ และหนึ่งในวิธีที่ทำให้องค์กรมั่นใจได้ถึง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็คือการใช้ การทำ Ethical Hacking

Hacker และ Hacking อย่างถูกจริยธรรม (Ethical Hacking) คืออะไร

Hacker คืออะไร? หากกล่าวถึงแฮกเกอร์ (Hacker) หลายคนอาจนึกถึงผู้คนไม่หวังดีที่ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าถึงระบบและเครือข่ายของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และมักจะมีจุดประสงค์ เช่น การขโมยข้อมูล ขัดขวางการทำงานของระบบ หรืออื่นๆ โดยการแฮ็ก (Hacking) ตามพจนานุกรม Merriam-Webster หมายถึง การเข้าถึงเครือข่ายหรือระบบคอมพิวเตอร์อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคำจำกัดความที่ตรงกับความคิดของคนส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม คำศัพท์นี้ไม่จำเป็นต้องสื่อถึงองค์ประกอบทางอาชญากรรมเสมอไป

Ethical hacking

Ethical Hacking หรือการแฮ็กอย่างถูกจริยธรรม หมายถึง การเจาะเข้าระบบเครือข่ายด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง และได้รับอนุญาต ตรงตามโปรโตคอลด้านความปลอดภัยของเครือข่าย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในระบบหรือเครือข่าย โดย Hacker เหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่ได้รับการฝึกอบรมและมีความชำนาญในการช่วยเหลือองค์กรให้ค้นพบจุดอ่อนในระบบป้องกัน เช่น ไฟร์วอล์ (Firewall) จากนั้นจึงให้คำแนะนำกับองค์กรและปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยต่อไป

พูดง่ายๆ ก็เหมือนสุภาษิตที่ว่า “ผีเห็นผี” ซึ่ง Hacker จะได้รับการว่าจ้างจากองค์กร เพื่อนำความรู้เกี่ยวกับวิธีตรวจจับภัยคุกคามทางไซเบอร์ และวิธีป้องกันภัยคุกคามมาประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กร เพื่อป้องกันจาก Hacker ผู้ไม่ประสงค์ดีนั่นเอง ทั้งนี้ Hacker สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่

black hat grey hat white hat hackers

1. Black Hat Hackers

แฮกเกอร์ที่มีเจตนาร้ายตามภาพจำที่หลายคนรู้จัก แฮกเกอร์กลุ่มนี้จะใช้ทักษะของตนเพื่อจุดประสงค์ทางอาชญากรรมซึ่ง Black Hat Hacking เป็นการบุกรุกเครือข่ายอย่างผิดกฎหมาย เพื่อขโมยข้อมูล และใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในระบบรักษาความปลอดภัยขององค์กร วัตถุประสงค์โดยส่วนใหญ่ของการแฮ็กรูปแบบนี้คือผลประโยชน์ทางการเงิน ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบของการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomeware)

2. White Hat Hackers

กลุ่ม White Hat Hackers เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้รับการว่าจ้างอย่างถูกกฎหมายจากบริษัทและองค์กรให้แทรกซึมเข้าสู่ระบบและจัดทำการประเมินมาตรการความปลอดภัย พวกเขาช่วยเหลือบริษัทและรัฐบาลโดยการประยุกต์ใช้เทคนิคการแฮ็กและระบุข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย ช่วยค้นหาช่องโหว่ทางไซเบอร์ พร้อมปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยรวม โดยแฮกเกอร์หมวกขาวส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือและเทคนิคเดียวกับแฮกเกอร์หมวกดำ ตั้งแต่ชุด Rootkit สาธารณะไปจนถึงแคมเปญที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การใช้วิศวกรรมสังคม (Social Engineering) การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของอุปกรณ์ปลายทาง การนำเสนอเหยื่อล่อการโจมตี (Attack Decoys) การปลอมแปลงโปรโตคอล (Spoofing Protocols) การฟิชชิง (Phishing) และอื่นๆ อีกมากมาย

3. Grey Hat Hackers

การแฮ็กแบบหมวกเทาเป็นการผสมผสานระหว่างการแฮ็กแบบหมวกขาวและหมวกดำ โดยแฮกเกอร์หมวกเทาจะเข้าถึงเครือข่ายของบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่อาจมีเจตนาที่กำกวม เช่น แฮกเกอร์เหล่านี้อาจติดต่อบริษัทพร้อมบอกข้อมูลเกี่ยวกับช่องโหว่ทางไซเบอร์ หรือเพียงแค่เปิดเผยข้อมูลทางออนไลน์โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งการแฮ็กรูปแบบนี้มักทำเพื่อความสนุกในการทดสอบทักษะของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทั้งการแฮ็กแบบหมวกเทาและหมวกดำถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากทั้งสองประเภทถือเป็นการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้ว่าเจตนาของแฮกเกอร์ทั้งสองประเภทจะแตกต่างกันก็ตาม

เมื่อทราบแล้วว่ามีการแฮ็กในรูปแบบที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าวิธีการทำ Ethical Hacking นั้นต้องทำอย่างไร เพื่อปรับปรุงมาตรการ Cybersecuity ขององค์กร

การทำ Ethical Hacking ช่วยตรวจจับภัยคุกคามและระบุช่องโหว่ทางไซเบอร์ได้อย่างไร?

Ethical Hacking เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการประเมินความพร้อมขององค์กรต่อความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เนื่องจากสามารถช่วยให้องค์กรค้นพบช่องโหว่ทางไซเบอร์ที่ Hacker คนอื่นๆ อาจจะใช้เป็นช่องทางในการโจมตี เครือข่าย และระบบขององค์กรของคุณ

“Hacker สายขาว” หรือ Hacker ที่มีจริยธรรมจะใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความปลอดภัยทางไซเบอร์ดังต่อไปนี้

1. การทดสอบการเจาะระบบ (Penetration Testing)

Penetration Testing เป็นการจำลองการโจมตีทางไซเบอร์ของ Hacker หมวกดำ เพื่อหาช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบและเครือข่ายขององค์กร โดยใช้ซอฟต์แวร์อัตโนมัติหรือเครื่องมือตรวจสอบหาช่องโหว่ที่เป็นที่รู้จักในระบบปฏิบัติการต่างๆ การทดสอบการเจาะระบบมักให้เป็นงานของผู้รับจ้างภายนอกกระทำการแทนทีมงานรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ภายในองค์กร เพื่อเป็นการจำลองการโจมตีของแฮกเกอร์ภายนอกที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างเครือข่ายภายในของบริษัทได้อย่างสมจริงที่สุด

2. การตรวจสอบและประเมินช่องโหว่ของระบบ (Vulnerability Assessment)

หลังจากทดลองเจาะเข้าระบบแล้ว แฮกเกอร์จะทำการระบุ จัดประเภท และจัดลำดับความสำคัญของช่องโหว่ทางไซเบอร์ในเครือข่ายขององค์กร พร้อมนำเสนอวิธีแก้ไขปัญหาเพื่ออุดช่องโหว่ของระบบให้กับองค์กรด้วย โดยมักจะใช้กระบวนการที่ผสมผสาน การใช้ระบบอัตโนมัติและการทำแบบด้วยตัวเอง (Manual) เพื่อเป็นการตรวจสอบประเมินช่องโหว่อย่างต่อเนื่อง

ทั้งองค์กรสามารถใช้เทคนิค Penetration Testing และ Vulnerabilty Assessement ร่วมกัน ในการสแกนหาจุดอ่อนและพัฒนากลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อปกป้องระบบเครือข่ายขององค์กรอย่างครอบคลุมที่สุด

ยกตัวอย่างจุดอ่อนที่มีช่องโหว่ของระบบที่ทุกองค์กรควรเฝ้าระวังได้แก่:

  • การโจมตีแทรกคำสั่งหรือข้อมูลเข้าไปในช่องทางรับข้อมูลของระบบ (Injection Attacks)
  • การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความปลอดภัย
  • การขโมยข้อมูลที่มีความอ่อนไหว
  • การเข้าถึงโปรโตคอลการยืนยันตัวตน
  • องค์ประกอบในเครือข่ายที่สามารถใช้เพื่อเป็นจุดเข้าถึงระบบได้

ตัวอย่างการใช้ Ethical Hacking เพื่อเสริมความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น:

  • การทดสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน เพื่อให้มั่นใจว่ารหัสผ่านที่ตั้งไว้มีความซับซ้อนและปลอดภัยมากพอ
  • การตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยและสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่าย ทั้งในบัญชีโดเมนและการจัดการฐานข้อมูล
  • การทดสอบการเจาะระบบหลังการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่ออกมาใหม่หรือการเพิ่มแพทช์ความปลอดภัยใหม่
  • การตรวจสอบช่องทางการสื่อสารข้อมูลเพื่อป้องกันการถูกดักฟังและดักข้อมูล
  • การทดสอบความถูกต้องของโปรโตคอลการยืนยันตัวตน
  • การทดสอบฟีเจอร์ความปลอดภัยในแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของฐานข้อมูลองค์กรและผู้ใช้งาน
  • Denial-of-Service Attack

หลังจากช่วงระยะเวลาการทดสอบ Ethical Hackers จะจัดเตรียมรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนทั้งหมดที่ใช้ในการบุกรุกเครือข่าย ช่องโหว่ที่ค้นพบ และขั้นตอนทั้งหมดที่สามารถดำเนินการเพื่อแก้ไขหรือบรรเทาปัญหาเหล่านั้น ซึ่ง Ethical Hacking สามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและนักลงทุนว่า ข้อมูลของบริษัทมีความปลอดภัยหลังจากการทดสอบอย่างละเอียด

ในขณะที่การแฮ็กอย่างมีจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่มีการดำเนินงานที่แตกต่างกันมากและรวมถึงบทบาทและความรับผิดชอบที่แตกต่างกัน

บทบาทของผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecuity และ Ethical Hacker ในการรักษาความปลอดภัยขององค์กร

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การแฮกอย่างมีจริยธรรมเป็นการดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ที่วางแผนไว้โดยมืออาชีพ เพื่อระบุและใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนในเครือข่าย ในขณะที่ Cybersecuity หรือการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ นั้นต้องอาศัยใช้ผู้เชี่ยวชาญในการป้องกันเครือข่ายจากการโจมตี

ถึงแม้ว่าบทบาททั้งสองจะดูขัดแย้งกัน แต่ทั้งสองก็มีเป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน คือการปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กร

ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity มีบทบาทเฉพาะ ดังนี้

  • ดำเนินการตรวจสอบเป็นประจำเพื่อค้นหาข้อบกพร่องในระบบ
  • นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดมาใช้เพื่อปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย
  • ดูแลรักษาและอัปเดตระบบรักษาความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ
  • กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงให้กับตัวแทนที่ได้รับความไว้วางใจและได้รับอนุญาต
  • อธิบายผลกระทบและรายละเอียดของการโจมตีด้วยมัลแวร์ให้บริษัททราบ
  • ให้คำแนะนำในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของบริษัท

ในทางกลับกัน Ethical Hacker มีบทบาทที่แตกต่างกัน ได้แก่

  • ประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยทดสอบการรั่วไหลด้านความปลอดภัยต่างๆ
  • ทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อหาข้อบกพร่องที่อาจถูกใช้ประโยชน์
  • ดำเนินการทดสอบการเจาะระบบ (Pen Tests) เป็นประจำบนระบบ เว็บแอปพลิเคชัน และเครือข่ายเพื่อตรวจหาช่องโหว่
  • จัดทำรายงานหลังจากพบจุดอ่อนและให้ข้อเสนอแนะหลังปัญหาเหล่านั้นได้รับการแก้ไข
  • แจ้งให้องค์กรทราบถึงวิธีที่การโจมตีสามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผู้ใช้
  • ใช้เทคนิคการแฮ็กที่จะเปิดเผยจุดอ่อนอย่างชัดเจน

จะเห็นได้ว่าบทบาทของผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity และ White Hat Hacker แตกต่างกันในวิธีการ แต่ในท้ายที่สุดแล้วมีวัตถุประสงค์เดียวกันคือการปรับปรุงและปกป้องระบบเครือข่าย

Cyber Security Expert and an Ethical Hacker

แพลตฟอร์มตรวจจับภัยคุกคามแบบ Open-Source สำหรับ Ethical Hackers

แม้ว่าการแฮกอย่างมีจริยธรรมอาจเป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบระดับการป้องกันของเครือข่าย แต่แพลตฟอร์มที่ใช้ประเมินสถานะนั้นก็ควรต้องมีความทันสมัยและเข้าถึงได้

โดยแพลตฟอร์มตรวจจับภัยคุกคามแบบ Open-Source จะใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม (Threat Intelligence Data) ที่ได้จากแหล่งข้อมูลเปิดสาธารณะ เช่น Forum เกี่ยวกับความปลอดภัย และรายการประกาศความปลอดภัย และสามารถใช้โดย White Hat Hacker เพื่อทำการประเมินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนะนำแพลตฟอร์ม Open-Source สำหรับการตรวจจับภัยคุกคาม

แพลตฟอร์มข่าวกรองภัยคุกคามที่พัฒนาโปรแกรม Utility และเอกสารต่างๆ สำหรับการแบ่งปันข่าวภัยคุกคามที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการแบ่งปันตัวบ่งชี้การบุกรุก (Indicators of Compromise) สามารถใช้สำหรับการแบ่งปัน จัดเก็บ และเชื่อมโยงตัวบ่งชี้การบุกรุกสำหรับการโจมตีแบบเฉพาะเจาะจง และให้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม เช่น ข้อมูลผู้โจมตี ข้อมูลการฉ้อโกงทางการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผู้ใช้ MISP ได้รับประโยชน์จากความรู้ที่แบ่งปันกันเกี่ยวกับมัลแวร์หรือภัยคุกคามที่มีอยู่ แพลตฟอร์มนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยปรับปรุงมาตรการตอบโต้ที่ใช้ต่อต้านการโจมตีแบบเฉพาะเจาะจง พร้อมตั้งค่าการป้องกันและการตรวจจับ

OpenCTI เป็นแพลตฟอร์มที่มีไว้สำหรับประมวลผลและแบ่งปันข่าวกรองทางไซเบอร์ พัฒนาขึ้นโดยหน่วยงานความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติของฝรั่งเศส (ANSSI) และถูกออกแบบมาในตอนแรกเพื่อพัฒนาและอำนวยความสะดวกในการติดต่อของหน่วยงานกับพันธมิตร แต่ในปัจจุบัน แพลตฟอร์มนี้ได้ถูกปรับเป็น Open-Source อย่างเต็มรูปแบบ และเปิดให้ชุมชนข่าวกรองภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ใช้งาน เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถจัดโครงสร้าง จัดเก็บ จัดระเบียบ แสดงผล และแบ่งปันความรู้ของตนได้อย่างง่ายดาย

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทำงานอัตโนมัติสำหรับข่าวกรองภัยคุกคามและงานข่าวกรอง ซึ่งถูกเขียนขึ้นด้วย Python 3 และจัดทำในรูปแบบปลั๊กอิน เพื่อให้แน่ใจว่ามีหนึ่งปลั๊กอินต่อแพลตฟอร์มหรืองาน

เป็นแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อจัดระเบียบสิ่งที่สังเกตได้ (Observables) ตัวบ่งชี้การบุกรุก กลยุทธ์ เทคนิค และขั้นตอน (TTPs) ไปจนถึงความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ในที่เก็บข้อมูลเดียวที่เป็นหนึ่งเดียว (Unified Respository) แพลตฟอร์มนี้จะเพิ่มข้อมูลให้กับสิ่งที่สังเกตได้โดยอัตโนมัติ เช่น การแก้ไขโดเมนและระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของ IP และให้อินเทอร์เฟซสำหรับมนุษย์และเครื่องจักร

เครื่องมือและแพลตฟอร์มการตรวจจับภัยคุกคามของ Sangfor สำหรับธุรกิจ

Sangfor นำเสนอบริการ Threat Intelligence และ Cybersecurity ที่ทันสมัย สามารถทำงานร่วมกันและประสานงานเข้ากับโปรโตคอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ธุรกิจสามารถรักษามาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุด

ตัวอย่างโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครบวงจรของ Sangfor ได้แก่

Sangfor's Threat Identification, Analysis, and Risk Assessment (TIARA)

Threat Identification, Analysis, and Risk Assessment (TIARA) คือ บริการประเมินความปลอดภัยโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถตรวจจับและตอบสนองได้จากแพลตฟอร์มข่าวกรองภัยคุกคามของ Sangfor เพื่อช่วยให้องค์กรเข้าใจสถานะภัยคุกคามต่อเครือข่ายภายในเวลาเพียง 2-4 สัปดาห์

บริการแบบครบวงจรนี้ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองแบบอัตโนมัติของแพลตฟอร์มข่าวกรองภัยคุกคามของ Sangfor เพื่อช่วยให้ลูกค้าที่ขาดมีความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้เข้าใจภูมิทัศน์ภัยคุกคาม (Security Landscape) ปรับปรุงเวลาในการตรวจจับ และปรับปรุงสถานะความปลอดภัยอย่างรวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น TIARA ยังให้คำแนะนำการวางแผนการปรับปรุง และให้ความช่วยเหลือในการแก้ปัญหา เพื่อแก้ไขช่องโหว่และป้องกันการโจมตีจาก Black Hat Hacker ได้อีกด้วย

บริการ TIARA ของ Sangfor เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของคุณดังนี้

  • ให้ความรู้เกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยปัจจุบันของบริษัท มอบแนวทางที่ชัดเจนและครอบคลุมเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงสถานะความปลอดภัยโดยรวมขององค์กรของคุณ
  • ลดความเสี่ยงต่อการถูกแฮกและมัลแวร์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมทั้งลดผลกระทบของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยต่อธุรกิจของคุณในกรณีที่เกิดการรั่วไหล
  • เพิ่มประสิทธิผลและประสิทธิภาพของทรัพยากรภายในที่มีอยู่ขององค์กร
  • ยกระดับความตระหนักด้านความปลอดภัยและความเสี่ยงในหมู่พนักงานภายในองค์กร ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะเกิดการรั่วไหลด้านความปลอดภัยโดยไม่ตั้งใจ

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โบรชัวร์บริการ TIARA และ MDR

แพลตฟอร์ม Cyber Command (NDR)

เครื่องมือ Cyber Command (NDR) Platform ช่วยตรวจระวังภัยมัลแวร์ และเหตุการณ์ความเสี่ยงต่อความปลอดภัยที่สามารถเกิดขึ้นได้ในเครือข่ายของคุณ โซลูชันนี้ทำงานร่วมกับอัลกอริทึมของ AI ที่พัฒนาขึ้น เพื่อปกป้องข้อมูลและตรวจสอบระบบของคุณอย่างต่อเนื่อง

Sangfor’s Endpoint Secure

โซลูชั่นการป้องกันอุปกรณ์ปลายทาง (Endpoint Secure) ของ Sangfor มีประสิทธิภาพที่ล้ำหน้ามากกว่าซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและแอนตี้มัลแวร์แบบเก่า โดยใช้เทคโนโลยี Engine Zero ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Sangfor และแพลตฟอร์มข่าวกรองภัยคุกคาม Neural-X เพื่อสร้างการป้องกันมัลแวร์ที่เหนือกว่าให้กับอุปกรณ์ปลายทางขององค์กรคุณ

Endpoint Secure ให้การป้องกันแบบผสมผสาน มอบความปลอดภัยต่อการติดมัลแวร์และการรั่วไหลจากการโจมตีขั้นสูงแบบต่อเนื่อง (Advanced Persistent Threat หรือ APT) ทั่วทั้งเครือข่ายขององค์กรของคุณ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับความง่ายในการจัดการ การดำเนินงาน และการบำรุงรักษา นอกจากนี้ แพลตฟอร์มนี้ยังได้รับรางวัล "Top Product" จาก AV-TEST จากความสำเร็จในการป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) 100% ต่อมัลแวร์แบบ Zero-Day

Sangfor’s Next Generation Firewall (NGFW)

เครื่องมือ Next Generation Firewall (NGFW) ของ Sangfor นี้เมื่อทำงานร่วมกับ Endpoint Security จะสามารถระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายได้ในระดับเครือข่ายและที่อุปกรณ์ปลายทาง (Endpoints) อีกทั้งไฟร์วอลล์นี้ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการรับส่งข้อมูลของเครือข่ายและแอปพลิเคชัน และตรวจหาภัยคุกคาม พร้อมทั้งป้องกันไม่ให้มีการบุกรุกเครือข่ายขององค์กร และนำข่าวกรองด้านความปลอดภัยจากภายนอกเครือข่ายเข้ามา

คำถามที่พบบ่อย

ความแตกต่างระหว่าง Cybersecurity และ Ethical Hacking มีอะไรบ้าง?

การแฮ็กอย่างมีจริยธรรม (Ethical Hacking) ดำเนินการโดยแฮกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตให้เจาะระบบเครือข่ายขององค์กร เพื่อนำเสนอวิธีแก้ไขจุดอ่อนที่ตรวจพบ ในขณะที่ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่หลักในการปกป้องระบบจากการกระทำที่เป็นอันตราย และทำให้มั่นใจว่าการโจมตีจะไม่ประสบความสำเร็จ

Ethical Hacking ในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์คืออะไร?

Ethical Hacking คือ การพยายามเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ แอปพลิเคชัน หรือเครือข่ายโดยได้รับอนุญาต เพื่อจำลองสถานการณ์การโจมตีทางไซเบอร์จริง และทดสอบระบบป้องกันขององค์กรเชิงรุก

องค์กรจำเป็นต้องทำ Ethical Hacking สำหรับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์หรือไม่?

แน่นอนว่ามีความจำเป็น เพื่อให้มั่นใจในระดับมาตรการการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สูงขึ้นสำหรับองค์กรของคุณ การแฮ็กอย่างมีจริยธรรมจะช่วยเสริมโครงสร้างความปลอดภัยที่มีอยู่ และรับประกันว่าองค์กรของคุณได้รับการปกป้องในกรณีที่เกิดการโจมตีทางไซเบอร์

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Articles

Cyber Security

Top AI News of the Week: Grok 3 and Leading AI Trends

Date : 21 Feb 2025
Read Now
Cyber Security

Ransomware Attacks 2024: A Look Back at the Top Ransomware Headlines

Date : 19 Jan 2025
Read Now
Cyber Security

A French Revolution in AI: Mistral AI Launches ‘Le Chat’ Chatbot

Date : 13 Feb 2025
Read Now

See Other Product

Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE
Sangfor SSL VPN
Best Darktrace Cyber Security Competitors and Alternatives in 2025
Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ