Virtualization และ Hyperconvergence

ในปัจจุบัน ธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการสร้างแบรนด์ให้มีความทันสมัยและก้าวทันเทคโนโลยี การสร้างภาพลักษณ์หรือการออกแบบรูปแบบธุรกิจให้มีความล้ำหน้าเทคโนโลยี ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่นักธุรกิจและนักลงทุนควรคำนึงถึง หากธุรกิจของคุณมีจุดมุ่งเน้นไปทางอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยี เจ้าของธุรกิจจะต้องมั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนการดำเนินนั้นเป็นขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งมั่นไปที่เครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรผลิตผลงานออกมาได้รวดเร็ว ใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า คงคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน

การนำเสนอข้อมูล ในด้าน IT หมายถึงการสร้างระบบเสมือนของอุปกรณ์หรือทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ (แทนที่จะเป็นระบบกายภาพ) โดยอธิบายง่ายๆ คือ การจำลองการทำงานของระบบไซเบอร์-กายภาพ เช่น พื้นที่จัดเก็บข้อมูลหรือทรัพยากรเครือข่าย ให้ทำงานอยู่ในรูปแบบซอฟต์แวร์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้างเวอร์ชันเสมือนของฮาร์ดแวร์นั้นๆ การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากได้เสมือนว่ามีเซิร์ฟเวอร์เพียงไม่กี่เครื่อง ช่วยให้องค์กรปรับปรุงการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น ลดต้นทุน และจัดการได้สะดวกยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม องค์กรที่มีโครงสร้างพื้นฐานแบบการวางฐานข้อมูลไว้ในระบบเซิร์ฟเวอร์ ภายในองค์กร (On-Premise) มักประสบปัญหาในการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายความสามารถของศูนย์ข้อมูล เนื่องจากกลไกการนำเสนอข้อมูลแบบดั้งเดิมมักก่อให้เกิดทรัพยากรที่กระจัดกระจายและซับซ้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ไม่ได้รับการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังยากต่อการจัดการอีกด้วย

ดังนั้น การนำ Hyperconverged Infrastructure แพลตฟอร์มมาใช้ในองค์กรจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะเทคโนโลยีนี้จะช่วยขยายขีดความสามารถด้าน IT ของธุรกิจ พร้อมทั้งขจัดปัญหาคอขวดที่มักเกิดจากการทำ Virtualization แบบเดิม วิธีนี้ช่วยลด Downtime ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นในการขยายระบบ และให้ประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายแก่องค์กร ทั้งนี้เป็นผลจากการใช้เซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายจัดเก็บข้อมูลแยกกันอย่างมีประสิทธิภาพ

What Is Hyperconverged Infrastructure

Hyperconvergence คืออะไร?

Hyperconvergence (ไฮเปอร์คอนเวอร์เจนซ์) คือ การรวมทรัพยากรการประมวลผล การจัดเก็บ และเครือข่ายเข้าในระบบหรือแพลตฟอร์มแบบบูรณาการเดียว โดยจะรวมส่วนประกอบที่แยกจากกันตามปกติเหล่านี้เข้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบรวม ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเสมือนจริง

ในโครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyperconverged Infrastructure (HCI) ฟังก์ชันการประมวลผล การจัดเก็บ และเครือข่ายจะถูกบูรณาการและจัดการอย่างเป็นระบบผ่านเทคโนโลยีที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการและจัดสรรทรัพยากรได้จากอินเทอร์เฟซส่วนกลาง ทำให้การบริการจัดการง่ายขึ้น ลดความซับซ้อน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

HCI ทำงานอย่างไร?

ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyperconverged Infrastructure (HCI) ทำงานโดยรวมทรัพยากรด้านการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายไว้ในระบบบูรณาการเดียว โดยใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงและซอฟต์แวร์ที่กำหนดแนวทางการทำงาน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับขนาดได้

Hypervisor (ไฮเปอร์ไวเซอร์) ถือเป็นหัวใจสำคัญของ HCI โดยทำหน้าที่แยกและจำลองทรัพยากรการประมวลผล ช่วยให้ Virtual Machine (VM) หลายเครื่องสามารถทำงานบนเซิร์ฟเวอร์กายภาพเครื่องเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้การใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด และช่วยให้องค์กรสามารถรันแอปพลิเคชันหรือเวิร์กโหลดหลากหลายบนฮาร์ดแวร์เดียวกันได้

ไฮเปอร์คอนเวอร์เจนซ์ ช่วยให้องค์กรบรรลุประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เพิ่มความสามารถในการปรับขนาด และเสริมความคล่องตัวในโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ด้วยการลดความซับซ้อนและลดความจำเป็นในการใช้ฮาร์ดแวร์แยกส่วน โดยอาศัยการจำลองเสมือนที่ทำให้การเพิ่มโหนดในคลัสเตอร์เดิมทำได้อย่างราบรื่น รองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นและตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประยุกต์ใช้โครงสร้าง Hyperconverged

โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ (HCI) เป็นโซลูชันที่ยืดหยุ่นและอเนกประสงค์ สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันหลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างการใช้งาน ได้แก่:

  • การรวมศูนย์ข้อมูล (Data Center Consolidation): HCI ช่วยให้การจัดการศูนย์ข้อมูลง่ายขึ้น ด้วยการรวมทรัพยากรด้านการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้องค์กรลดการใช้ฮาร์ดแวร์ ปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และลดความซับซ้อน นอกจากนี้ยังรองรับการปรับขนาดทรัพยากรได้ตามความต้องการ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
  • โครงสร้างพื้นฐานเดสก์ท็อปเสมือน (Virtual Desktop Infrastructure: VDI): HCI มอบประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการเดสก์ท็อปเสมือนและแอปพลิเคชันให้กับผู้ใช้งานปลายทาง โดยช่วยลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ VDI ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และรับประกันความพร้อมในการให้บริการสูงสุด ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การปรับใช้ระบบคลาวด์ส่วนตัว (Private Cloud Deployment): HCI เป็นรากฐานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว โดยมอบโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือจัดการที่จำเป็น ช่วยให้องค์กรสร้างระบบคลาวด์แบบบริการตนเองได้ง่ายขึ้น ลดความซับซ้อนในการใช้งาน ปรับปรุงการใช้ทรัพยากร และส่งมอบบริการได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • องค์กรที่มีหลายสาขาหรือทำงานระยะไกล (Remote/Branch Offices: ROBO): สำหรับองค์กรที่มีสาขาในพื้นที่ห่างไกล HCI เป็นทางเลือกที่เหมาะสม ด้วยรูปแบบที่กะทัดรัด การจัดการที่ง่าย และการควบคุมแบบรวมศูนย์ HCI ช่วยให้การปรับใช้และบริหารจัดการทรัพยากรในสภาพแวดล้อมแบบกระจายเป็นไปอย่างราบรื่น มั่นใจได้ในประสิทธิภาพ ความปลอดภัยของข้อมูล และการขยายระบบที่ยืดหยุ่น
  • การกู้คืนระบบหลังภัยพิบัติ (Disaster Recovery: DR): HCI มีความสามารถที่แข็งแกร่งในการกู้คืนระบบหลังเกิดภัยพิบัติ องค์กรสามารถจำลองข้อมูลและแอปพลิเคชันระหว่างคลัสเตอร์ HCI เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อได้อย่างไม่มีสะดุดในกรณีฉุกเฉิน ด้วยฟีเจอร์การปกป้องข้อมูลแบบบูรณาการ เช่น สแน็ปช็อตและการสำรองข้อมูล ทำให้สามารถวางแผนและดำเนินการกู้คืนระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้

การนำ HCI มาใช้ในองค์กรไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังลดความซับซ้อนในการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน IT และตอบสนองความต้องการทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น

ความแตกต่างระหว่าง โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyperconverge และ Converge

อนที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ (HCI) จะถูกพัฒนาขึ้น โลกเทคโนโลยีก็มีโซลูชันเสมือนจริงสำคัญอีกตัวหนึ่งที่คิดค้นขึ้นมาก่อนแล้ว นั่นก็คือ CI (Converged Infrastructure) หรือโครงสร้างพื้นฐานแบบรวม โดยทั้ง CI และ HCI ต่างมีต้นกำเนิดจากการพัฒนาศูนย์ข้อมูลแบบดั้งเดิม

ในส่วนของระบบ CI เป้าหมายหลักคือการลดความซับซ้อนของโครงสร้างพื้นฐานในศูนย์ข้อมูล โดยการรวมส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ เช่น ทรัพยากรการจัดเก็บข้อมูล เซิร์ฟเวอร์ และเครือข่าย เข้าไว้ในโซลูชันเดียวที่ได้รับการออกแบบและบูรณาการล่วงหน้า ทำให้การจัดการและการใช้งานง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

CI ถือเป็นสะพานเชื่อมสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนา HCI โดย HCI ได้ยกระดับแนวคิดของ CI ขึ้นอีกขั้น ด้วยการรวมทุกส่วนประกอบ เช่น การประมวลผล การจัดเก็บ และเครือข่าย ไว้ในอุปกรณ์เดียว (HCI Appliance) แทนที่จะเป็นระบบที่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์แยกส่วนจำนวนมาก

ผลลัพธ์คือโซลูชันที่มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้น รองรับการปรับขยายได้ง่ายขึ้น และเหมาะสมสำหรับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ SMEs หรือองค์กรที่มีทรัพยากรด้านไอทีจำกัด HCI ช่วยให้องค์กรสามารถปรับใช้และบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ผสานรวมกันอย่างลงตัวได้อย่างง่ายดาย เพิ่มทั้งความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการทำงาน

ทำไมองค์กรต่างๆ จึงควรเลือกใช้ HCI

โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จ (HCI) มอบข้อดีมากมายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านไอที ลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ และยกระดับการดำเนินงานธุรกิจโดยรวม HCI รวมทรัพยากรการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และเครือข่ายเข้าไว้ในระบบเดียวที่บูรณาการอย่างลงตัว ทำให้องค์กรไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฮาร์ดแวร์แยกส่วน และช่วยให้การปรับใช้และการจัดการทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การใช้ HCI ยังช่วยลดต้นทุนและทรัพยากรในศูนย์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการใช้พื้นที่ พลังงาน หรือค่าใช้จ่ายด้านการทำความเย็น นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับขยายโครงสร้างพื้นฐานเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ HCI องค์กรสามารถเพิ่มโหนดในคลัสเตอร์เดิมเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างยืดหยุ่น โดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้ามากเกินไป

ที่สำคัญไปกว่านั้น HCI ยังช่วยให้งานบริหารจัดการต่างๆ ง่ายขึ้นด้วยการควบคุมผ่านซอฟต์แวร์ เช่น การจัดเตรียม การตั้งค่า และการกระจายทรัพยากร ซึ่งสามารถทำได้จากศูนย์กลาง ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมไอทีให้สามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

จากผลการสำรวจของ TechTarget ตั้งแต่ปี 2020 ธุรกิจเริ่มนำ HCI มาใช้เพราะเห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลและการจัดการที่ง่ายขึ้น อีกทั้งรายงานจาก Emergen Research ยังคาดการณ์ว่าขนาดตลาด HCI จะเติบโตถึง 124,520 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีนี้ได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์ของ Hyperconverge Infrastructure

Hyperconvergence นำเสนอประโยชน์หลักหลายประการต่อสภาพแวดล้อมด้านไอทีและธุรกิจโดยรวม ได้แก่

  1. ความคล่องตัว: ระบบ HCI รวมทุกภาระงานไว้ภายใต้การดูแลระบบเดียว ทำให้การโยกย้ายภาระงานระหว่างสถานที่ต่างๆ ทำได้สะดวกและง่ายขึ้น
  2. ความสามารถในการปรับขนาด: การเพิ่มหรือลบโหนดในระบบ HCI สามารถทำได้อย่างยืดหยุ่น ช่วยให้ปรับทรัพยากรให้เหมาะสมตามความต้องการได้ง่าย
  3. ความสะดวกในการใช้งาน: HCI ถูกออกแบบให้ติดตั้งและตั้งค่าเบื้องต้นไว้ล่วงหน้า จึงใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น SME หรือสำนักงานสาขาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไอที เนื่องจากซัพพลายเออร์ได้ติดตั้งและกำหนดค่าด้านเทคโนโลยีหลักๆ ไว้ล่วงหน้าแล้ว เช่น เซิร์ฟเวอร์ ที่เก็บข้อมูล และในกรณีส่วนใหญ่ คือ ระบบเครือข่ายและการจำลองเสมือน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ HCI เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับ SMEs เท่านั้น แต่สำนักงานสาขาและสำนักงานอื่นๆ ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไอที ก็สามารถปรับใช้หรือขยายความต้องการด้านไอทีได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ซึ่งใช้ได้กับบริษัทสตาร์ทอัพและองค์กรที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
  4. ประหยัดต้นทุน: การใช้ HCI ช่วยลดการสูญเสียทรัพยากร และประหยัดต้นทุนทั้งในส่วนของการลงทุนฮาร์ดแวร์และการบำรุงรักษา โดยเฉพาะแผนกไอทีจะได้รับประโยชน์จาก Hyperconvergance ในเรื่องของการประหยัดต้นทุน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรในขณะที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน
  5. ที่เก็บข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์: ที่เก็บข้อมูลในแพลตฟอร์มไฮเปอร์คอนเวอร์จถูกออกแบบให้กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ซึ่งมาพร้อมข้อดีหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โหนดเก็บข้อมูลทำงานเป็นกลุ่มที่มีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งแทบไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาต่างๆ เช่น เวลาหยุดทำงานของระบบ หากมีโหนดใดโหนดหนึ่งหยุดทำงาน ระบบจะยังคงทำงานต่อไปโดยไม่มีผลกระทบต่อโหนดอื่นๆ
  6. การปกป้องข้อมูล: ด้วยระบบ Hyperconvergance องค์กรต่างๆ ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลอีกต่อไป ความเสี่ยงในการสูญเสียข้อมูลนั้นมีอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องจัดการกับข้อมูลดิจิทัล เนื่องจากอาชญากรรมทางไซเบอร์ (และการดำเนินการผิดพลาดของระบบ) ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ไฮเปอร์คอนเวอร์เจนซ์ได้รวมเอาองค์ประกอบของการกู้คืนระบบ Disaster Recovery (DR) และการสำรองข้อมูลไว้ในโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร ทำให้เราสามารถกู้คืนข้อมูลได้อย่างง่ายดาย

เลือกผู้ให้บริการ HCI แบบไหนดี?

หากคุณกำลังมองหาผู้ให้บริการ Hyperconverge Infrastructure (HCI) ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญ ดังนี้

  • เลือกบริการที่มีระบบโซลูชันที่ครอบคลุม: ค้นหาผู้ให้บริการ HCI ที่มีโซลูชันแบบครบวงจร ครอบคลุมทั้งการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การจำลองเสมือน และระบบเครือข่าย โซลูชันที่ครอบคลุมจะช่วยลดความจำเป็นในการใช้ส่วนประกอบแยกจากกัน และช่วยให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้ รวมถึงการจัดการที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
  • ความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่น: โซลูชัน HCI ที่คุณเลือกควรมีความสามารถในการปรับขนาดได้อย่างง่ายดาย เพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง ควรสามารถเพิ่มทรัพยากร เช่น การประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูล ได้อย่างยืดหยุ่นและเป็นระบบโมดูลาร์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในปัจจุบัน
  • ประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ: ประเมินความสามารถด้านประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ HCI โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความหน่วงเวลา (Latency) IOPS และปริมาณข้อมูลที่สามารถรับ-ส่งได้ โซลูชันที่เลือกควรมีประสิทธิภาพสูงและให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองต่อเวิร์กโหลดที่ต้องการการประมวลผลหนักและแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญ
  • การบูรณาการกับระบบคลาวด์และการทำ Virtualization: เลือกผู้ให้บริการ HCI ที่รองรับการบูรณาการที่ราบรื่นกับระบบคลาวด์และไฮเปอร์ไวเซอร์หลากหลายรูปแบบ ความยืดหยุ่นในด้านนี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับใช้สถาปัตยกรรมระบบคลาวด์แบบไฮบริดและแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมคลาวด์ที่ต้องการได้
  • การปกป้องและรักษาความปลอดภัยข้อมูล: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโซลูชัน HCI มีคุณสมบัติการปกป้องข้อมูลที่แข็งแกร่ง เช่น การสำรองข้อมูลและการกู้คืนในกรณีเกิดภัยพิบัติ นอกจากนี้ ควรมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุม เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการควบคุมการเข้าถึง เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กร

Sangfor HCI - โครงสร้างพื้นฐานแบบ Hyperconverge

Sangfor Hyper-Converged Infrastructure (HCI) นำเสนอสถาปัตยกรรม Cloud Computing รุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนรวมการเป็นเจ้าของ (TCO) ได้อย่างน้อย 70% พร้อมทั้งทำให้การดำเนินงานง่ายขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเครือข่าย โดยรวมการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การเชื่อมต่อเครือข่าย และความปลอดภัยไว้ในแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์เดียวครบวงจร รับชมวิดีโอแนะนำเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

Sangfor HCI คือ โซลูชันศูนย์ข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์แบบบูรณาการครบวงจร ช่วยให้ง่ายต่อการปรับใช้และบริหารจัดการแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปที่มีจำหน่ายในตลาด ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเลือกฮาร์ดแวร์ให้กับองค์กร

ด้วย Sangfor HCI องค์กรสามารถสร้างระบบคลาวด์ส่วนตัว ขยายการใช้งานสู่ระบบคลาวด์สาธารณะ หรือสร้างสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์ได้ตามความต้องการ แพลตฟอร์มนี้รองรับความสามารถขั้นสูงสำหรับการประมวลผลข้อมูลและการจัดเก็บในระบบคลาวด์ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นสำหรับสภาพแวดล้อมการพัฒนาและการทดสอบ ทั้งยังรับประกันความถูกต้องและความสอดคล้องของข้อมูลด้วยระบบการซิงโครไนซ์แบบเรียลไทม์ที่มีประสิทธิภาพ

ความสำเร็จของ Sangfor HCI

  • โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ (Mariano Marcos Memorial) เป็นโรงพยาบาลของรัฐที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด Llocos Norte ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อแก้ไขปัญหาด้านประสิทธิภาพของระบบเดิม โรงพยาบาลจึงได้นำ Sangfor HCI มาปรับใช้ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความต่อเนื่องทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ (The Ministry of Human Resources, MOHR) เป็นกระทรวงของรัฐบาลมาเลเซียที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาทักษะ แรงงาน ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย สหภาพแรงงาน ฯลฯ ด้วยการจำลองเครือข่าย Sangfor HCI ทางหน่วยงาน MOHR สามารถดำเนินการและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งหมดได้อย่างง่ายดายด้วยฟีเจอร์ “What You Draw is What You Get”

หากคุณสนใจที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐาน Hyperconverge Infrstructure และประโยชน์ที่ธุรกิจของคุณจะได้รับ สามารถติดต่อเราได้ ที่นี่ ทางบริษัทของเรายินดีให้คำแนะนำปรึกษาอย่างเต็มที่

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cloud and Infrastructure

What is Application Management?

Date : 06 Jan 2025
Read Now
Cloud and Infrastructure

What is Cloud Scalability: Key Terms & Best Practices

Date : 31 Dec 2024
Read Now
Cloud and Infrastructure

What is Network Infrastructure?

Date : 31 Dec 2024
Read Now

See Other Product

HCI - Hyper Converged Infrastructure - Sangfor HCI - โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ
Cloud Platform - Thai
aDesk Virtual Desktop Infrastructure (VDI) - โครงสร้างพื้นฐานเดสก์ท็อปเสมือน aDesk (VDI)
WANO ของ Sangfor
SIER
EasyConnect-Thai