การแฮกแบบสายดำ หรือ Black Hat Hacking ถือเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยพื้นฐานแล้ว แฮกเกอร์สายดำ (Black Hat Hacker) คือ ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในการบุกรุกเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่การแฮกทั้งหมดที่มีเจตนาร้าย เช่น การแฮกเชิงจริยธรรมที่ดำเนินการโดยแฮกเกอร์สายขาว ช่วยให้บริษัทต่างๆ ค้นพบช่องโหว่ผ่านการทดสอบเจาะระบบ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ของพวกเขา

ทั้งนี้ ไม่ใช่แฮกเกอร์ที่มีทักษะทุกคนจะใช้ความสามารถในทางที่ดี และนี่คือ ที่มาของคำว่า “Black Hat Hacker” ซึ่งหมายถึงผู้ที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ เพื่อวัตถุประสงค์ที่เป็นอันตราย แทนที่จะช่วยองค์กรเสริมสร้างการป้องกันทางไซเบอร์

Black Hat Hacking คืออะไร?

การแฮกแบบสายดำ หรือ Black Hat Hacking หมายถึงการบุกรุกเข้าสู่ระบบไอทีขององค์กรหรือบุคคลโดยมีประสงค์ร้าย กลุ่มแฮกเกอร์เหล่านี้ไม่ต่างจากคนร้ายในทีวีที่กำลังแฮกเข้าไปในระบบขององค์กร ขโมยหมายเลขบัตรเครดิต หรือโจมตีแบบฟิชชิ่ง ( Phishing ) อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง การกระทำของพวกเขาต่างมีผลกระทบต่อทั้งบุคคลและองค์กร

แฮกเกอร์สายดำมักใช้ Ransomware มัลแวร์ และกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อเจาะผ่านการป้องกันของระบบ ทำให้สามารถเข้าถึง ขโมย และใช้ประโยชน์จากข้อมูลต่างๆ ที่พบ นอกจากนีัยังมีการใช้งานเทคนิคบางอย่าง เช่น Social Engineering , Botnet , การโจมตี DDoS ไปจนถึงการฟิชชิ่ง สปายแวร์ และอื่นๆ อีกมากมาย

ข้อมูลที่ถูกขโมยมักจะถูกขายบนดาร์กเว็บ (Dark Web) ใช้เพื่อเรียกค่าไถ่ หรือถูกทำลาย การแฮกข้อมูลจึงกลายเป็นปัญหาระดับโลกเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น เครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ในการแฮกได้พัฒนาขึ้นอย่างซับซ้อนจนยากที่จะตรวจจับ และการป้องกันการแฮกข้อมูล โดยไม่มีความช่วยเหลือจากแฮกเกอร์สายขาวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว

แฮกเกอร์สายดำคือใคร?

black-hat

แม้ว่าแฮกเกอร์เหล่านี้เป็นอาชญากร แต่พวกเขาก็เป็นบุคคลที่มีทักษะสูง โดย Black Hat Hacker ใช้ความรู้และทักษะของพวกเขาเพื่อหาประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัย แฮกเกอร์เหล่านี้มีเจตนามุ่งร้าย ซึ่งอาจมีตั้งแต่การหาผลประโยชน์ทางการเงิน ความแค้นส่วนตัว แรงจูงใจทางการเมือง ไปจนถึงการสร้างความวุ่นวาย แฮกเกอร์สายดำเหล่านี้อาจทำงานคนเดียวหรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีขนาดใหญ่และมีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบหลายอยู่หลายกลุ่มในปัจจุบัน อีกทั้งแฮกเกอร์บางกลุ่มอาจเสนอทักษะในรูปแบบบริการ Ransomware-As-a-Service ในทางกลับกัน แฮกเกอร์หมวกเทาอาจใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ โดยไม่มีเจตนาร้ายแต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาต ทำให้การแบ่งแยกระหว่างแฮกเกอร์ “สายขาว” กับ “สายดำ” เป็นประเด็นที่ยังคงถกเถียงกันในปัจจุบัน

แม้ว่าแฮกเกอร์เหล่านี้จะฝึกฝนทักษะของพวกเขามานาน แต่หลายคนเริ่มต้นด้วยการเป็น " Script Kiddies " หรือแฮกเกอร์มือใหม่ที่ใช้สคริปต์และเครื่องมือของผู้อื่นเพื่อทำการโจมตีทางไซเบอร์ในระดับเล็กๆ อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่คือกลุ่มคนที่แฮกเกอร์ส่วนใหญ่ให้ความสนใจในการชักชวนเข้ากลุ่ม นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของ RaaS (Ransomware-As-a-Service) ประกอบกับการขาดความตระหนักด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงช่องโหว่ได้ง่ายและก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์มากขึ้น

อิทธิพลของสกุลเงินดิจิทัลต่อการแฮก

สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อโลกอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรก บริษัทอย่าง Bitcoin, Cardano และ Ethereum ได้สร้าง "Token" ที่สามารถซื้อ-ขายหรือใช้งานผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างง่ายดาย

แม้จุดเด่นของสกุลเงินดิจิทัล คือ ความเป็นส่วนตัวสูง แต่ข้อดีนี้เองก็ได้กลายเป็นช่องทางที่เหล่า Black Hat Hacker นิยมใช้งาน การโจมตีด้วย Ransomware สามารถทำได้ง่ายขึ้นด้วยการเรียกค่าไถ่เป็นสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นช่องทางที่ปลอดภัยและไม่ระบุตัวตนแฮกเกอร์

โดยสกุลเงินดิจิทัลเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z จากการสำรวจล่าสุด พบว่า 94% ของผู้ซื้อสกุลเงินดิจิทัล ทั้งหมดเป็นกลุ่ม Gen Z หรือ Millennials ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 40 ปี ด้วยเหตุนี้เอง ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่ถูกผลักดันไปสู่การทำธุรกรรมทางดิจิทัลง่ายๆ ผ่านการโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าเราไม่อาจกล่าวโทษสกุลเงินดิจิทัลได้ทั้งหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิด Ransomware และการโจมตีทางไซเบอร์ยุคใหม่

การโจมตีทางไซเบอร์ที่แฮกเกอร์สายดำมักใช้งาน

โดยทั่วไป องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มักตกเป็นเป้าหมายของ Black Hat Hacker จึงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจส่วนใหญ่มักวางมาตรการความปลอดภัยทางไซเบอร์ เช่น ไฟร์วอลล์ (Firewall) และ MDR ไปจนถึงโซลูชัน Data Loss Prevention เพื่อป้องกันการสูญหายของข้อมูล นอกจากนี้ยังว่าจ้างแฮกเกอร์สายขาวที่สามารถทดสอบระบบ เพื่อค้นหาช่องโหว่ที่มีอยู่ภายในองค์กร แต่แน่นอนว่าแฮกเกอร์สายดำนั้นมักหาลู่ทางต่างๆ ในการเจาะเข้าสู่ระบบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยวิธีการโจมตีที่สามารถพบได้บ่อย มีดังนี้

การโจมตีด้วย Ransomware

Ransomware คือ รูปแบบการโจมตีที่ระบบของบริษัทหรือบุคคลถูกบุกรุกโดย Black Hat Hacker และข้อมูลถูกนำออกไป โดยข้อมูลนั้นจะถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อบังคับให้องค์กรจ่ายค่าไถ่ ไม่เช่นนั้นข้อมูลอาจถูกเปิดเผยหรือทำลาย

จากสถิติของ Statista พบว่ามีการโจมตีด้วย Ransomware กว่า 236.1 ล้านครั้งทั่วโลกในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 และหนึ่งในการโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ที่ใหญ่ในปัจจุบันคือ WannaCry ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2017

การแฮกของ WannaCry ได้ส่งผลกระทบต่อระบบคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 75,000 เครื่องใน 99 ประเทศ ต่อทั้งโรงพยาบาลและธุรกิจต่างๆ โดย Ransomware มุ่งเป้าไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows และเข้ารหัสข้อมูลสำคัญ จากนั้นจึงเรียกค่าไถ่ในรูปแบบของ Bitcoin เพื่อแลกกับการคืนข้อมูล

Ransomware ดังกล่าวยังถูกใช้ในการโจมตีคอมพิวเตอร์ราว 230,000 เครื่องทั่วโลก ในปี 2018 อีกทั้ง WannaCry ยังได้โจมตีบริษัทผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Taiwan Semiconductor Manufacturing อีกด้วย

การโจมตีแบบ Phishing

การโจมตีแบบ Phishing คือ การโจมตีทางไซเบอร์ที่แฮกเกอร์พยายามหลอกลวงเหยื่อผ่านการใช้อีเมลหรือข้อมูลติดต่อปลอม แม้ว่าข้อความอาจดูเหมือนจริง แต่จะมีลิงก์หรือไฟล์แนบที่มีมัลแวร์ฝังอยู่ภายใน เมื่อเหยื่อคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบ มัลแวร์จะเข้าสู่ระบบ และเข้าถึงข้อมูลภายในเครื่องคอมพิวเตอร์หรือระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อ

ในปี 2022 บริษัท Twilio ได้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้ Phishing เพื่อแทรกซึมเข้าระบบ โดยใช้ข้อความล่อลวงพนักงานไปยังเว็บไซต์ปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับไซต์การยืนยันตัวตนจริงของ Twilio

จากนั้นหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวขึ้นข้อความให้กรอกข้อมูลประจำตัวของพนักงาน ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลแก่แฮกเกอร์ เพื่อเข้าถึงภายในทรัพยากรของบริษัทและข้อมูลลูกค้า URL ปลอมมี Keyword สำคัญคือ "Twilio", "Okta" และ "SSO" การเข้าถึงนี้ส่งผลกระทบต่อบัญชี Authy 93 บัญชี และข้อมูลบัญชีกว่า 1,900 บัญชีอาจถูกเปิดเผยบนแอป Signal อีกด้วย

การรั่วไหลของข้อมูล

การรั่วไหลของข้อมูลเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อข้อมูล ไฟล์ของลูกค้าและบริษัท จากสถิติของ Statista มีข้อมูลประมาณ 15 ล้านรายการทั่วโลกถูกเปิดเผยผ่านการรั่วไหลของข้อมูลในปี 2022

ในเดือนกันยายน 2022 บริษัท Capital One ได้รับการชำระเงินจากการฟ้องร้องเป็นจำนวน 190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากเกิดการรั่วไหลของข้อมูลในปี 2019 ซึ่งเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้คนมากกว่า 100 ล้านคน รวมถึงหมายเลขบัตรเครดิต และนำไปสู่การขโมยหมายเลขประกันสังคมและรายละเอียดบัญชีธนาคาร โดย Paige Thompson อดีตวิศวกรระบบที่ Amazon Web Services อยู่เบื้องหลังการรั่วไหลดังกล่าว โดยเขาใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเอง เพื่อตรวจจับบัญชี AWS ที่กำหนดค่าผิดพลาด จากนั้นจึงใช้หนึ่งในบัญชีเหล่านั้นเพื่อแฮกเข้าไปในระบบขององค์กรมากกว่า 30 แห่ง รวมถึง Capital One อีกด้วย โดยตามข้อกล่าวหาต่อ Thompson ได้ระบุว่า การเจาะข้อมูลครั้งดังกล่าว นั้นมีการขโมยข้อมูล พร้อม "ขุด" สกุลเงินดิจิทัล ด้วยพลังการประมวลผลที่ขโมยมาผ่านการแฮกเพื่อ ขุดคริปโต

Cyber-Attacks_Through_Black_Hat_Hacking_Methods

แนวทางและวิธีป้องกัน Black Hat Hacker

เพื่อปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามที่เกิดจากแฮกเกอร์สายดำ องค์กรควรพิจารณามาตรการป้องกันการแฮกข้อมูล และแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้

  • ตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ - ควรดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยและทดสอบเจาะระบบเป็นประจำ เพื่อระบุและแก้ไขช่องโหว่ในระบบ
  • ฝึกอบรมพนักงาน - เน้นการให้ความรู้แก่พนักงาน โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น การโจมตีแบบ Phishing และกลยุทธ์วิศวกรรมสังคม เพื่อลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์
  • โซลูชันความปลอดภัยขั้นสูง - แนะนำให้ลงทุนในโซลูชันความปลอดภัยขั้นสูง เช่น Next-Generation Firewall ( NGFW ) ระบบ EDR ไปจนถึงเครื่องมือป้องกัน Ransomware ต่างๆ ที่เหมาะกับองค์กร
  • การเข้ารหัสข้อมูล - ทำการเข้ารหัสข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเสมอ เช่น หมายเลขบัตรเครดิต และข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การควบคุมการเข้าถึง - บังคับใช้มาตรการควบคุมการเข้าถึงที่เข้มงวด และใช้การยืนยันตัวตนหลายปัจจัย (MFA) เพื่อให้แน่ใจว่า เฉพาะบุคลากรที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงระบบที่สำคัญได้
  • วางแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ - พัฒนาและปรับปรุงแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์เป็นประจำ เพื่อลดความเสียหายในกรณีที่เกิดการรั่วไหลของข้อมูล

วิธีป้องกัน Black Hat Hacker สำหรับธุรกิจ

แฮกเกอร์สายดำ ใช้เครื่องมือและเทคนิคต่างๆ เพื่อเข้าถึงระบบของ ดังนั้นวิธีที่จะป้องกันข้อมูลที่สำคัญคือการลงทุนในเครื่องมือขั้นสูง รวมถึงแนวปฏิบัติการแฮกเชิงจริยธรรม เช่น การทดสอบเจาะระบบ 

Sangfor Technologies เป็นบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์และการประมวลผลแบบคลาวด์ระดับโลกที่นำเสนอแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้น บูรณาการ และชาญฉลาดซึ่งจะป้องกัน Black Hat Hacker ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลงทุนในโซลูชัน Anti-Ransomware Prevention ของ Sangfor และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ทันสมัย เพื่อการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และตรงเป้าหมาย

Next-Generation Firewall (NGFW) ขั้นสูงของ Sangfor สามารถระบุไฟล์ที่เป็นอันตรายทั้งในระดับเครือข่ายและจุดปลายทาง ไฟร์วอลล์ ขั้นสูงเป็นอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบการจราจรของเครือข่ายและแอปพลิเคชันเพื่อหาภัยคุกคาม รักษาความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมเครือข่ายจากการบุกรุก และนำข้อมูลด้านความปลอดภัยจากภายนอกเครือข่ายเข้ามา

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม Sangfor Cyber Command จะตรวจสอบมัลแวร์ เหตุการณ์ด้านความปลอดภัย และการละเมิดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตในเครือข่ายของคุณ และจับคู่กับอัลกอริทึม AI ที่ได้รับการปรับปรุงและ ข่าวกรองด้านภัยคุกคาม ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวดและมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอสำหรับภัยคุกคามที่คงอยู่

สุดท้าย โซลูชัน EDR (Endpoint Detection and Response) ที่ทรงพลังของ Sangfor นั้นมีความสามารถยิ่งกว่าระบบป้องกันไวรัสและมัลแวร์แบบดั้งเดิม โดย Endpoint Secure มอบการป้องกันแบบผสมผสานต่อการติดมัลแวร์ และการละเมิด APT ทั่วทั้งเครือข่ายขององค์กรของคุณ - ทั้งหมดด้วยความง่ายในการจัดการ

สามารถชมวิดีโอด้านล่าง เพื่อดูว่า Sangfor Endpoint Secure สามารถตรวจจับและกู้คืนจาก Ransomware ได้ในเวลาเพียง 3 วินาที:

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cyber Security

What is a Web Application Firewall?

Date : 21 Mar 2025
Read Now
Cyber Security

The Complete Guide to Network Automation: Benefits, Solutions, and Implementation

Date : 17 Mar 2025
Read Now
Cyber Security

What are Cloud Security Best Practices?

Date : 13 Mar 2025
Read Now

See Other Product

Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE
Sangfor SSL VPN
Best Darktrace Cyber Security Competitors and Alternatives in 2025
Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ