รูปแบบของ Disaster Recovery Site

Disaster Recovery Site สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Hot Site, Warm Site และ Cold Site ซึ่งมีลักษณะการทำงานแตกต่างกัน ดังนี้

Disaster Recovery Site

1. Hot Site

คือ ระบบสำรองที่ออกแบบให้มีซอฟต์แวร์ (Software) และฮาร์ดแวร์ (Hardware) เหมือนกับระบบหลักทุกประการ โดยมีการสำรองข้อมูล (Backup) หรือทำสำเนาข้อมูล (Replicate) จากระบบหลักแบบเรียลไทม์ (Realtime Replication) หากระบบหลักเกิดปัญหา ระบบสำรองนี้จะทำงานทดแทนได้ทันที ข้อดีคือช่วยลดการสูญหายของข้อมูล และกระทบต่อผู้ใช้งานน้อยที่สุด ทำให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับระบบสำรองรูปแบบอื่น

2. Warm Site

เป็นระบบที่มีการสำรองข้อมูลเป็นระยะๆ เช่น ทุกชั่วโมง หรือวันละครั้ง พร้อมติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ (Server) ไว้บางส่วน โดยระบบจะมีการกู้คืนข้อมูลตามรอบการสำรอง ทำให้เปิดใช้งานได้เร็วกว่า Cold Site แต่อาจมีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลสูญหายบางส่วน และต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมก่อนใช้งาน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงกว่า Cold Site แต่ต่ำกว่า Hot Site

3. Cold Site

DR-Site ที่มีเพียงการสำรองข้อมูล (Backup) แต่ยังไม่ได้กู้คืนหรือเปิดใช้งาน เมื่อต้องการใช้งาน จำเป็นต้องจัดเตรียมระบบและกู้คืนข้อมูลทั้งหมดก่อน ซึ่งใช้เวลานานและมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหาย แต่มีข้อได้เปรียบคือมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุดในบรรดาระบบสำรองทั้งหมด

ทำไม Disaster Recovery Site จึงมีความสำคัญ

การมี Disaster Recovery Site เป็นการลงทุนที่ช่วยปกป้องธุรกิจจากความเสี่ยงที่ไม่อาจควบคุมได้ ทั้งในแง่ของการดำเนินงาน ข้อมูลทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นของลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพในทุกสถานการณ์

ดังนั้นมาดูเหตุผลที่ทำให้ Disaster Recovery Site มีความสำคัญดังนี้

  1. รักษาความต่อเนื่องในการใช้งานเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤต: หากพนักงานหรือผู้ใช้งานระบบไม่สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูลที่สำคัญได้ อาจส่งผลให้ธุรกิจของคุณขาดทุนมหาศาลได้ ในบางครั้ง การสูญเสียข้อมูลเหล่านี้อาจไม่สามารถประเมินเป็นราคาได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการกู้ข้อมูลกลับมาอาจใช้เวลานานกว่าที่จะกู้ข้อมูลทั้งหมดกลับคืน ส่งผลให้การดำเนินงานหยุดชะงัก ซึ่งอาจหมายถึงเกิดความเสียหายที่มากขึ้น
  2. การเก็บข้อมูลเพียงที่เดียวอาจไม่เพียงพอ: ปัจจุบันนี้การเก็บข้อมูลจากไว้เดียวนั้นอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่สูงขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attacks) ที่สร้างความเสียหายแก่องค์กรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการมีระบบ Disaster Recovery จึงถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในยุคดิจิทัลนี้
  3. ปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมาย (Compliance): หลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน การแพทย์ หรือหน่วยงานราชการ มีข้อกำหนดให้ต้องมีแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ (Disaster Recovery Plan) ซึ่งการมี DR Site จะช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับได้อย่างครบถ้วน
  4. รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง: ไม่มีองค์กรไหนสามารถคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อใด การมี DR Site จะช่วยให้องค์กรเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของระบบ และรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง

เลือก Disaster Recovery Site ให้เหมาะกับองค์กร

DR-Site สำหรับสำรองข้อมูลมีให้เลือกถึง 3 รูปแบบตามโจทย์การใช้งาน เพื่อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเลือกใช้ได้เหมาะสมกับงานมากที่สุด องค์กรจึงควรศึกษาจุดเด่นของแต่ละประเภทก่อนพิจารณาว่า Disaster Recovery Site แบบไหน คือ แบบที่ครอบคลุมความต้องการมากที่สุด

Hot Site สำหรับองค์กรที่มีข้อมูลสำคัญต่อการดำเนินงาน

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ระบบ Hot Site จะสำรองข้อมูลและทำสำเนาข้อมูลทุกอย่างจากไซต์หลักมาไว้ที่ Hot Site ตลอดเวลา เมื่อระบบหลักเกิดการหยุดทำงาน (Downtime) สามารถใช้ Hot Site ทำงานทดแทนได้ทันที ดังนั้นจึงเหมาะกับองค์กรที่

  • มีระบบหรือเครือข่ายสำคัญที่ทำงานแบบออนไลน์เป็นหลัก
  • ไม่สามารถยอมรับ Downtime หรือการหยุดทำงานของระบบได้
  • มีข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลอ่อนไหวที่ส่งผลต่อการทำงานและรายได้ขององค์กรที่ไม่สามารถสูญหายได้
  • มีการให้บริการที่สำคัญและมีผู้ใช้งานจำนวนมาก

Warm Site เหมาะกับองค์กรที่สามารถมี Downtime

ด้วยหลักการสำรองข้อมูลเป็นระยะๆ ของ Warm Site และอาจต้องใช้เวลานานขึ้นในการเตรียมระบบให้พร้อมทำงานทดแทนระบบหลัก แต่ก็สามารถกู้คืนข้อมูล ติดตั้งซอฟต์แวร์ (Software) หรือฮาร์ดแวร์ (Hardware) ไว้ล่วงหน้าได้ จึงตอบโจทย์องค์กรที่

  • ยอมรับการหยุดทำงานของระบบหรือ Downtime ได้บางส่วน
  • ยอมรับการสูญหายของข้อมูลบางส่วนได้
  • พึ่งพาระบบคลาวด์ (Cloud) ในการทำงาน
  • ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับ Hot Site
  • สามารถรอเวลาในการกู้คืนระบบได้ระยะหนึ่ง

Cold Site ตอบโจทย์ด้านการลดค่าใช้จ่าย

เป็นไซต์สำรองที่ติดตั้งเฉพาะระบบพื้นฐานและเชื่อมต่อเครือข่าย (Network Connectivity) ทั้งต้องใช้เวลาในการเตรียมระบบและข้อมูลระยะหนึ่งก่อนจึงจะสามารถกู้คืนข้อมูลได้ ดังนั้น Cold Site จึงอาจเหมาะสำหรับ

  • การเป็นไซต์สำรองในกรณีที่ไซต์หลักประสบปัญหาจนใช้งานไม่ได้เป็นเวลานาน
  • รองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น อัคคีภัยหรือภัยธรรมชาติรุนแรง ที่ทำให้อาคารที่ติดตั้งไซต์หลักเสียหาย
  • การลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ Disater Recovery เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในกลุ่ม DR-Site

โซลูชัน Disaster Recovery Management (DRM) อัจฉริยะจาก Sangfor

Sangfor นำเสนอโซลูชัน Disaster Recovery Management (DRM) ที่รวมการกู้คืนความเสียหายแบบ Active-Passive และโซลูชันแบบ Active-Active ให้บริการโซลูชันการกู้คืนความเสียหายอย่างเต็มรูปแบบตามความต้องการ RTO และ RPO ทางธุรกิจของลูกค้า :ซึ่งทั้งง่ายและยืดหยุ่นต่อการปรับใช้ และจัดการได้สะดวก ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sangfor DR Solution หรือติดต่อเราวันนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบริการด้านความปลอดภัยแบบองค์รวมสำหรับองค์กรของคุณ

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Related Glossaries

Cyber Security

NGFW vs. WAF: What’s the Difference?

Date : 19 Dec 2024
Read Now
Cyber Security

Cloud Security Posture Management (CSPM) Explained

Date : 11 Dec 2024
Read Now
Cyber Security

SWG (Secure Web Gateway) คืออะไร สำคัญต่อองค์กรมากน้อยแค่ไหน 

Date : 06 Dec 2024
Read Now

See Other Product

Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)
Platform-X
Sangfor Access Secure - โซลูชัน SASE