นิยามของ NDR - Network Detection and Response
NDR หรือ ระบบตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (Network Detection and Response) คือ ระบบความปลอดภัยเครือข่ายประเภทหนึ่งที่ทำหน้าที่ ตรวจสอบและวิเคราะห์การรับส่งข้อมูลในเครือข่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เคลื่อนที่แบบ เหนือ-ใต้ (North-South Traffic) หรือ ตะวันออก-ตะวันตก (East-West Traffic) โดยใช้เซนเซอร์ในการรวบรวมข้อมูลที่ติดตั้งในตำแหน่งที่เหมาะสม เมื่อพบรูปแบบการรับส่งข้อมูลที่น่าสงสัย ระบบ NDR จะทำการตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ หรือแจ้งเตือนทีมงานด้านความปลอดภัยให้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ฟีเจอร์การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภัยคุกคาม ถือเป็นจุดเด่นของ NDR ที่ช่วยให้ทีมงานสามารถเข้าใจบริบทของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย และลดความซับซ้อนในการสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ NDR ยังมีบทบาทสำคัญในการตามล่าภัยคุกคามเชิงรุก (Threat Hunting) และการจัดการความเสี่ยง โดย Gartner Inc. ได้ให้คำจำกัดความว่า NDR เป็นระบบที่ใช้เทคนิคขั้นสูงที่ไม่ใช่แค่เพียงตรวจสอบภัยคุกคามโดยอาศัยลายเซ็น (เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง หรือเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ) เพื่อตรวจจับปริมาณการรับส่งข้อมูลที่ผิดปกติในเครือข่ายองค์กร โดยเครื่องมือ NDR จะทำการวิเคราะห์ปริมาณการรับส่งข้อมูลทั้งหมดในเครือข่าย และ/หรือบันทึกข้อมูลเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบบจำลองที่แสดงถึงพฤติกรรมปกติของเครือข่าย ช่วยให้สามารถตรวจจับความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ทำไมถึงควรเลือกใช้ระบบตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR)
ในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้โจมตีได้มีการปรับปรุงและพัฒนาวิธี เทคนิค และขั้นตอนการโจมตี (TTP) ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับของระบบความปลอดภัยและสร้างความเสียหายที่รุนแรงยิ่งขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้ทำให้การโจมตีทางไซเบอร์มีการพัฒนามากตัวขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดช่องโหว่ที่ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
จากการสำรวจพบว่า จำนวนเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 75% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMB) ตกเป็นเป้าหมายถึง 61% ของการโจมตีทั้งหมด แม้ว่าองค์กรขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณสูงจะเป็นเป้าหมายหลัก แต่ผู้โจมตีกลับพบว่าการโจมตีธุรกิจขนาดเล็กที่มีการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ไม่แข็งแกร่งเป็นเรื่องง่ายกว่า หลังจากนั้น พวกเขาจะใช้ข้อมูลหรือสิทธิ์การเข้าถึงที่ได้จากการโจมตีดังกล่าวเป็นฐานในการเจาะเข้าองค์กรพันธมิตรที่ใหญ่กว่า หรือแม้กระทั่งโจมตีลูกค้าขององค์กรโดยตรง ทั้งนี้ Ransomware (แรนซัมแวร์) ยังคงเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เติบโตเร็วที่สุด โดยคาดว่ามูลค่าความเสียหายจะสูงถึง 265 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2031
เมื่อพิจารณาเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ ไม่มีโซลูชันความปลอดภัยใดที่สามารถป้องกันภัยคุกคามได้ 100% ดังนั้น การสร้างระบบโซลูชันความปลอดภัยที่หลากหลายเข้ากับบุคลากรด้านความปลอดภัยที่มีทักษะจึงเป็นสิ่งจำเป็นในโลกไอที นอกจากนี้ ระบบการตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR) ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของ Gartner SOC Visibility Triad และกำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่องค์กรต้องมีใน ศูนย์ปฏิบัติการด้านความปลอดภัย (SOC) เพื่อช่วยให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โซลูชัน NDR สามารถตรวจจับภัยคุกคามประเภทใดได้บ้าง?
โซลูชัน NDR ครอบคลุมความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายประเภท โดยสามารถตรวจจับภัยคุกคามที่สำคัญดังนี้
- มัลแวร์และการบุกรุก (Malware and Intrusions) - NDR มีความสามารถในการระบุและตรวจจับมัลแวร์และการบุกรุกที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยวิเคราะห์การใช้งานและพฤติกรรมบนเครือข่าย เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยและสัญญาณของภัยคุกคามที่เป็นอันตราย
- ภัยคุกคามภายใน (Insider Threats) - ด้วยการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใช้และรูปแบบการเข้าถึง NDR สามารถตรวจ จับภัยคุกคามภายใน เช่น การพยายามเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต กิจกรรมที่ผิดปกติ หรือความพยายามขโมยข้อมูลโดยพนักงานหรือผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตแต่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝง
- การสูญหายและการรั่วไหลของข้อมูล - NDR ช่วยตรวจจับเหตุการณ์การสูญหายและการรั่วไหลของข้อมูล โดยเฝ้าระวังการถ่ายโอนข้อมูล วิเคราะห์การรับ-ส่งของข้อมูลที่ผิดปกติ และระบุความพยายามในการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ภัยคุกคามขั้นสูงต่อเนื่อง (Advanced Persistent Threats - APTs) - NDR วิเคราะห์พฤติกรรมบนเครือข่ายเพื่อค้นหาสัญญาณของการโจมตีที่ซับซ้อน เช่น การสื่อสารแบบควบคุมและสั่งการ (Command & Control) การเคลื่อนไหวภายในระบบ และการพยายามเพิ่มระดับสิทธิ์การเข้าถึง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับภัยคุกคามขั้นสูงที่ต่อเนื่อง
NDR ทำงานอย่างไรในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม
NDR (Network Detection and Response) มีลักษณะเฉพาะตรงที่ได้รับการออกแบบโดยยึดหลักว่าภัยคุกคามอาจซ่อนตัวอยู่ภายในเครือข่ายขององค์กร ดังนั้นเราจึงควรใช้แนวทางเชิงรุกในการตรวจจับภัยคุกคาม
วันนี้ Sangfor ได้รวบรวมไฮไลต์บางส่วนเกี่ยวกับการทำงานของ NDR ในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ต ดังนี้
- ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการรับส่งข้อมูลจากทั่วทั้งเครือข่าย เพื่อให้ทีมงานรักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็นกิจกรรมบนเครือข่ายและอุปกรณ์เครือข่ายได้อย่างครบถ้วน
- ใช้การเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลพื้นฐานสำหรับพฤติกรรมเครือข่ายปกติ และใช้การวิเคราะห์การรับส่งข้อมูลด้วย AI อย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจจับกิจกรรมที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
- ตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์และประสานงานกับเครื่องมือความปลอดภัยอื่น เพื่อตอบสนองโดยอัตโนมัติต่อภัยคุกคามที่ตรวจพบหรือส่งการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีให้กับทีมรักษาความปลอดภัยเพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ภัยคุกคามที่เกิดขึ้น
- เชื่อมโยงปริมาณการรับส่งข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อพิจารณาว่าภัยคุกคามเข้ามาและเคลื่อนตัวผ่านเครือข่ายได้อย่างไร และเพื่อปรับปรุงการตอบสนองต่อเหตุการณ์และความพยายามในการตามหาภัยคุกคาม
มอบการมองเห็นเครือข่ายที่ครบถ้วน (Visibility)
หนึ่งในสาเหตุหลักที่สำคัญที่สุดในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายคือ การขาดการมองเห็นข้อมูลภายในเครือข่าย เพราะคุณไม่สามารถป้องกันภัยคุกคามที่มองไม่เห็นได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายโดยที่ผู้ดูแลระบบความปลอดภัยไม่ทราบว่ามีอุปกรณ์นี้อยู่ ทำให้ไม่สามารถให้การป้องกันได้อย่างครอบคลุม
ดังนั้น การมีระบบ NDR จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยให้ผู้ดูแลระบบและทีมรักษาความปลอดภัยสามารถมองเห็นสิ่งสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจสอบและวิเคราะห์ปริมาณการใช้งานในเครือข่าย โซลูชัน NDR สามารถตรวจจับพฤติกรรมที่น่าสงสัยเพื่อตรวจหา ภัยคุกคาม พร้อมทั้งระบุอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีอุปกรณ์ใดถูกละเลยจากการป้องกัน
การตรวจจับระบบการทำงานที่ผิดปกติ สู่การเปิดเผยภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Detection)
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า มัลแวร์แบบไร้ไฟล์ (Fileless Malware) ซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ เนื่องจากเครื่องมือที่ใช้การตรวจจับลายเซ็นแบบเดิมมักไม่สามารถระบุได้ ผู้โจมตีมักใช้เครื่องมือที่ดูเหมือนปลอดภัยและเป็นที่รู้จักในเครือข่ายเพื่อซ่อนกิจกรรมของตน
โซลูชัน NDR ได้รับการออกแบบมาเพื่อจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้โดยเฉพาะ ด้วยการ ตรวจจับความผิดปกติ ที่ระบุกิจกรรมเครือข่ายที่เบี่ยงเบนจากพฤติกรรมปกติ แม้ว่าผู้โจมตีจะใช้วิธีที่ซับซ้อนแค่ไหน แต่กิจกรรมที่เป็นอันตรายก็ยังมีรูปแบบที่ต่างจากปกติ ซึ่ง NDR พร้อมตรวจจับได้
เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้น NDR ใช้ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) สร้างและปรับฐานข้อมูลพฤติกรรมปกติของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลการรับส่งในเครือข่ายจะถูกรวบรวมและวิเคราะห์ผ่าน AI และการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อดึงรูปแบบกิจกรรมที่สำคัญ ผลลัพธ์เหล่านี้จะถูกเปรียบเทียบกับข้อมูลพื้นฐานแบบเรียลไทม์ เพื่อระบุพฤติกรรมที่ผิดปกติ
การตอบสนองอัตโนมัติและการประสานงาน (Response)
NDR สามารถตั้งค่าให้ ตอบสนองต่อภัยคุกคามโดยอัตโนมัติ และประสานงานกับเครื่องมือด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ได้ทันที ตัวอย่างเช่น หากพนักงานคลิกลิงก์ฟิชชิ่ง (Phising) ที่เป็นอันตรายในอีเมลโดยไม่ตั้งใจ จนทำให้มัลแวร์ถูกดาวน์โหลดลงบนอุปกรณ์ แม้มัลแวร์จะหลบเลี่ยงไฟร์วอลล์หรือระบบความปลอดภัยของอุปกรณ์ปลายทางได้ แต่ NDR จะสามารถตรวจจับกิจกรรมของผู้โจมตีได้
การทำงานของ NDR จะรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เพื่อระบุและเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายเข้าด้วยกัน จากนั้นจะส่งคำสั่งไปยังไฟร์วอลล์เพื่อบล็อกการสื่อสารในเครือข่าย และแยกอุปกรณ์ที่ถูกบุกรุกออก นอกจากนี้ NDR ยังสามารถสั่งให้โซลูชัน EDR (Endpoint Detection and Response) ทำการสแกนอุปกรณ์และลบไฟล์ที่เป็นอันตรายได้โดยอัตโนมัติ
ทั้งนี้ ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถรับการแจ้งเตือนเพื่อตรวจสอบและตอบสนองด้วยตนเองได้เช่นเดียวกัน ทำให้การจัดการภัยคุกคามมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
EDR และ NDR แตกต่างกันอย่างไร?
EDR (Endpoint Detection and Response) และ NDR (Network Detection and Response) เป็นแนวคิดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- EDR เน้นความปลอดภัยในระดับจุดสิ้นสุด หรืออุปกรณ์ปลายทาง (Endpoints) โดยตรวจสอบกิจกรรมและพฤติกรรมของอุปกรณ์ปลายทาง
- NDR มุ่งเน้นการตรวจสอบการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย เพื่อค้นหาและตอบสนองต่อภัยคุกคามในระดับเครือข่ายที่ครอบคลุม เพิ่มการมองเห็นให้กับองค์กรและสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุมคามไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี
ทั้ง EDR และ NDR มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม ช่วยให้องค์กรมีมุมมองที่ครอบคลุมและสามารถรับมือกับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR)
เชื่อว่าตอนนี้หลายๆ คนคงเข้าใจระบบการทำงานของ NDR ว่าทำงานอย่างไร และมีความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เหนือกว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งเรายังมีข้อดีของการใช้งาน NDR มานำเสนอ ดังต่อไปนี้
ขจัดช่องว่างด้านความปลอดภัย
โซลูชันความปลอดภัยเฉพาะจุด เช่น ไฟร์วอลล์หรือ EDR อาจมีช่องโหว่ที่ทำให้ภัยคุกคามหลบหลีกการตรวจจับได้ แต่ NDR สามารถวิเคราะห์ปริมาณการรับส่งข้อมูลเครือข่ายทั้งหมด ทำให้สร้างระบบที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงของภัยคุกคามที่ยากต่อการตรวจจับ
การตรวจจับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง
NDR มีจุดเด่นที่การทำงานไม่สามารถปิดการใช้งานได้ง่ายเหมือนเครื่องมืออื่นๆ ผู้โจมตีอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกตรวจสอบ ทำให้สามารถจับพฤติกรรมที่ผิดปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตรวจสอบแพ็กเก็ตเชิงลึก (Deep Packet Inspection)
มัลแวร์จำนวนมากถึง 90% มักซ่อนตัวอยู่ในข้อมูลที่เข้ารหัส ซึ่ง NDR สามารถตรวจจับได้ผ่านการวิเคราะห์ทราฟฟิกที่ละเอียดโดยไม่กระทบประสิทธิภาพของเครือข่าย
ปรับปรุงการแก้ไขปัญหาและการล่าภัยคุกคาม
NDR ช่วยให้นักวิเคราะห์สามารถเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา ค้นหาจุดเริ่มต้นของการโจมตี และป้องกันการโจมตีซ้ำในอนาคต
ปกป้องอุปกรณ์ IoT (Internet of Things)
เนื่องจากอุปกรณ์ IoT มักมีช่องโหว่และไม่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ความปลอดภัยได้ NDR จึงเข้ามาช่วยตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติจากอุปกรณ์เหล่านี้ ป้องกันไม่ให้กลายเป็นช่องทางโจมตี
ข้อเสียของ NDR
แม้ว่าโซลูชัน NDR จะมีข้อดีหลายประการ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีข้อเสียบางประการที่องค์กรควรรู้ เช่น
- จุดบอดในการตรวจสอบทราฟฟิกที่เข้ารหัส: การรับส่งข้อมูลที่เข้ารหัสอาจทำให้ตรวจจับภัยคุกคามยากขึ้น
- ผลบวกเท็จและลบเท็จ: อาจระบุภัยคุกคามผิดพลาด หรือพลาดภัยคุกคามจริง
- การมองเห็นจุดสิ้นสุดได้แบบจำกัด: มุ่งเน้นเฉพาะเครือข่าย อาจตรวจจับพฤติกรรมจุดสิ้นสุดได้ไม่ครอบคลุม
- ความซับซ้อนในการใช้งาน: ต้องการความเชี่ยวชาญและทรัพยากรเฉพาะทางในการตรวจสอบเชิงลึก
ดังนั้น องค์กรต่างๆ ควรพิจารณาข้อจำกัดเหล่านี้อย่างรอบคอบและประเมินว่าข้อจำกัดเหล่านี้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เฉพาะขององค์กรหรือไม่ โดยก่อนที่จะนำโซลูชัน NDR มาใช้ จำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรอาจจะจะต้องเสริม NDR ให้เข้ากับมาตรการด้านความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อสร้างการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รอบด้านและมีคุณภาพ
เลือกโซลูชัน NDR อย่างไรให้เหมาะสมกับองค์กร
เมื่อทางองค์กรได้ตัดสินใจเลือกโซลูชัน NDR องค์กรควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าโซลูชันนั้นเหมาะสมกับความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของบริษัทของคุณ วันนี้ Sangfor ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ผู้อ่านได้พิจารณาการเลือกใช้งาน NDR อย่างเหมาะสม ดังนี้
- ความครอบคลุมและการมองเห็น - ประเมินความสามารถของโซลูชันในการครอบคลุมและมองเห็นโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายทั้งหมดของคุณอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมทางกายภาพ (Physical) เสมือนจริง (Virtual) หรือบนคลาวด์ (Cloud) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโซลูชันสามารถติดตามปริมาณการใช้งานเครือข่าย อุปกรณ์ปลายทาง และการสื่อสารที่เข้ารหัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ มองหาโซลูชัน NDR ที่สามารถให้มุมมองที่ครอบคลุมทั้งเครือข่าย เพื่อช่วยให้ทีมไอทีสามารถวิเคราะห์และตรวจจับภัยคุกคามได้แม่นยำยิ่งขึ้น คุณลักษณะเหล่านี้ช่วยลดการแจ้งเตือนที่ผิดพลาด และทำให้การตรวจจับและตอบสนองต่อมัลแวร์รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคาม - ประเมินว่าโซลูชัน NDR สามารถตรวจจับภัยคุกคามหลากหลายประเภทได้ดีเพียงใด เช่น มัลแวร์ การบุกรุก ภัยคุกคามภายใน การสูญเสียข้อมูล และภัยคุกคามต่อเนื่องขั้นสูง (APT) มองหาฟีเจอร์ที่มีการวิเคราะห์พฤติกรรม (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการรวมข้อมูลภัยคุกคาม เพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดข้อผิดพลาดในการตรวจจับภัยคุกคาม
- ความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพ - พิจารณาความสามารถของโซลูชัน NDR ในการรองรับการขยายตัวของเครือข่ายและปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น ตรวจสอบว่าโซลูชันสามารถจัดการข้อมูลเครือข่ายจำนวนมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพหรือทำให้เกิดความล่าช้าในระบบ
- การบูรณาการและความเข้ากันได้ - ตรวจสอบว่าโซลูชัน NDR สามารถบูรณาการเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือด้านความปลอดภัยที่คุณใช้อยู่ได้ดีเพียงใด เช่น ระบบจัดการเหตุการณ์ (SIEM) หรือโซลูชันด้านความปลอดภัยอื่นๆ โซลูชันควรช่วยปรับกระบวนการทำงานให้คล่องตัวขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองต่อภัยคุกคาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่เน้นระบบคลาวด์ โซลูชันควรรองรับการทำงานในระบบมัลติคลาวด์อย่างเต็มที่
- การใช้งานและการรายงาน - ประเมินอินเทอร์เฟซผู้ใช้และความสะดวกในการใช้งานของโซลูชัน ควรมาพร้อมแดชบอร์ดที่เข้าใจง่าย รายงานที่สามารถปรับแต่งได้ และระบบแจ้งเตือนที่ให้ข้อมูลเชิงลึก เพื่อช่วยให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับ - ตรวจสอบว่าโซลูชัน NDR สอดคล้องกับข้อกำหนดและกฎระเบียบของอุตสาหกรรม รวมถึงมาตรฐานที่องค์กรของคุณต้องปฏิบัติตาม ควรมีฟีเจอร์ที่รองรับการรายงาน การเก็บรักษาบันทึก และการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล
- ความน่าเชื่อถือและการสนับสนุนของผู้ให้บริการ - ศึกษาข้อมูล ความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการ NDR รวมถึงความเชี่ยวชาญ และความคิดเห็นจากลูกค้าของผู้ให้บริการ พิจารณาความสามารถในการสนับสนุนอย่างทันท่วงที เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ การแก้ไขปัญหา และการเข้าถึงทีมสนับสนุนทางเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรของคุณจะได้รับการดูแลที่ดีในระยะยาว
หากพิจารณาข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยคุณจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในการเลือกโซลูชัน NDR ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับกลยุทธ์ความปลอดภัยในระยะยาวของคุณ
โซลูชัน NDR อัจฉริยะของ Sangfor
Sangfor Technologies คือ ผู้นำด้านโซลูชันการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามมานานหลายปี เราได้พัฒนา Sangfor Cyber Command NDR เพื่อยกระดับการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม โดยใช้ กรอบความปลอดภัย (Framework) XDDR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของเรา XDDR ทำหน้าที่ผสานรวม NDR เข้ากับผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยทั้งหมดของ Sangfor และผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นบางส่วน เพื่อสร้างแนวทางแบบองค์รวมในการต่อสู้กับภัยคุกคามอย่างแรนซัมแวร์และ APT ที่ใช้ AI เป็นอาวุธ
Cyber Command ใช้โมเดล AI ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการล่าภัยคุกคาม เพื่อตรวจจับและกำจัด AI ที่เป็นอาวุธได้อย่างมีประสิทธิภาพ Sangfor เข้าใจถึงความจำเป็นในการมีระบบตรวจจับและตอบสนองเครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทีมวิจัยและพัฒนาของเรา (R&D) ได้สร้าง Sangfor Cyber Command ขึ้น
Cyber Command มีความสามารถในการตรวจจับที่ล้ำสมัย ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลาย เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการวิเคราะห์ด้วย AI นอกจากนี้ Cyber Command Response Center ยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามเครือข่ายได้อย่างรัดกุม ด้วยบันทึกที่ปรับตามบริบท อ่านง่าย และพร้อมใช้งานเพียงปลายนิ้วสัมผัส
เมื่อทำงานร่วมกับ Sangfor Endpoint Secure และ Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall Cyber Command จะเพิ่มความเร็วในการตอบสนอง พร้อมทั้งมอบการปกป้องเครือข่ายของคุณอย่างสูงสุด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะปลอดภัยจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปไฟร์วอลล์ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบเฉพาะปริมาณการรับส่งข้อมูลที่ผ่านไฟร์วอลล์เท่านั้น ที่ Sangfor Cyber Command เราได้คิดค้นระบบ Network Traffic Analysis (NTA) โดยเราจะอยู่ติดกับสวิตช์หลักตัวใดตัวหนึ่งของคุณและวิเคราะห์ปริมาณการรับส่งข้อมูลทั้งหมดของคุณ
เจสัน หยวน รองประธานฝ่ายตลาดต่างประเทศของ Sangfor
วิดีโอไวท์บอร์ด “NDR คืออะไร” ใน Sangfor Cyber Command
ทางทีมงานด้านความปลอดภัยของ Sangfor ได้สร้างวิดีโอไวท์บอร์ดเพื่ออธิบายรายละเอียดต่างๆ ของการตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย โดยในวิดีโอนี้ Jason Yuan ได้ให้คำอธิบายที่เข้าใจง่ายเกี่ยวกับ NDR และโซลูชัน Sangfor NDR ที่ชื่อว่า Cyber Command
ความสำเร็จของ Sangfor NDR
- Azienda Socio Sanitaria Territoriale (ASST) Lariana เป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่มีชื่อเสียงในเมืองโคโม ประเทศอิตาลี Sangfor Cyber Command ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถมองเห็นเครือข่ายได้รอบด้าน 360 องศาเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยทางไซเบอร์
- Naquadria S.r.l เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและศูนย์ข้อมูลที่เชื่อถือได้ซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองปิอาเซนซา ประเทศอิตาลี โซลูชัน Cyber Command NDR (การตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย) ของ Sangfor ช่วยให้ Naquadria มีศูนย์ควบคุมและตอบสนองขั้นสูงที่เชื่อถือได้สำหรับภัยคุกคามทุกประเภทที่ก่อกวนระบบที่เปิดให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ต รวมถึงเซิร์ฟเวอร์เว็บและเมลด้วย
อนาคตของ NDR
อุตสาหกรรมการตรวจจับและตอบสนองเครือข่าย (NDR) ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 17.5% ภายในปี 2026 ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของ NDR ในฐานะโซลูชันความปลอดภัยเครือข่ายชั้นนำ ในยุคที่แรนซัมแวร์และมัลแวร์มีความซับซ้อนมากขึ้น การมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น
Sangfor Technologies ได้นำเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และ AI ขั้นสูงมาใช้ เพื่อยกระดับความปลอดภัยของเครือข่ายและโซลูชันคลาวด์ ผลิตภัณฑ์เด่นของเรา Sangfor Cyber Command ใช้ระบบตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อปกป้องเครือข่ายของคุณอย่างรัดกุม เทคโนโลยีนี้ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว ลดความเสียหายและเวลาหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้น
นอกจาก NDR แล้ว โซลูชันของ Sangfor ยังครอบคลุมถึงบริการคลาวด์ที่ปลอดภัยด้วย AI และการป้องกันจุดสิ้นสุด (Endpoint Protection) ที่ออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของการจัดการระบบไอที พร้อมเพิ่มความปลอดภัยในทุกขั้นตอน
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ของ Sangfor และวิธีที่เราสามารถช่วยปกป้ององค์กรของคุณ สามารถติดต่อเราได้ทันที