SWG หรือ Secure Web Gateway เปรียบเสมือนด่านตรวจระหว่างเครือข่ายภายนอกและผู้ใช้งาน โดย SWG จะช่วยป้องกันไม่ให้อุปกรณ์ของพนักงานติดมัลแวร์ แรนซัมแวร์ และไวรัสต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ยังทำให้มั่นใจว่า พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากรายงานอุตสาหกรรมโดย Mordor Intelligence ในปี 2024 พบว่า ด้วยภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ความต้องการ SWG มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แล้ว SWG คืออะไร? และทำไมจึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจสมัยใหม่? เราจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจในบทความนี้!

Secure Web Gateway คืออะไร?

Secure Web Gateway (SWG) คือ โซลูชันด้านความปลอดภัยที่ปกป้องข้อมูลการจราจรอินเทอร์เน็ต (Internet Traffic) ขององค์กร โดยปัจจุบัน บริการ SWG ถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องพนักงานและผู้ใช้เครือข่ายจากเว็บไซต์อันตราย ไวรัส และมัลแวร์ ซึ่ง SWG มักถูกติดตั้งเข้ากับ Perimeter ของเครือข่ายองค์กร ทำหน้าที่เป็นจุดตรวจสอบระหว่างเครือข่ายภายในและการจราจรอินเทอร์เน็ตสาธารณะ นอกจากนี้ยังสามารถรองรับความปลอดภัยบนคลาวด์ขององค์กร และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันโดยรวมได้อีกด้วย

What is a Secure Web Gateway (SWG)

ไมองค์กรจึงจำเป็นต้องมี Secure Web Gateway?

ด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน การป้องกันองค์กรจากภัยคุกคามภายนอกจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง จากรายงานในปี 2023 พบว่า องค์กร 1 ใน 44 แห่งทั่วโลกได้รับผลกระทบจากแรนซัมแวร์ ซึ่งใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของ Gateway เพื่อขโมยข้อมูล ทั้งนี้ SWG สามารถเพิ่มชั้นการรักษาความปลอดภัย โดยการตรวจสอบการจราจรขาเข้า (Incoming Traffic) ทั้งหมดเพื่อหาภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้าสู่เครือข่าย นอกจากนี้ องค์กรจำนวนมากยังใช้ SWG เพื่อช่วยบังคับใช้นโยบายการใช้อินเทอร์เน็ต เช่น การบล็อกเว็บไซต์บางแห่ง หรือจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาบางประเภท

ยิ่งไปกว่านั้น องค์กรที่มีพนักงานทำงานจากนอกสำนักงานและผู้ใช้งานมือถือ ต่างก็ต้องการการป้องกันจากภัยคุกคามเช่นเดียวกับผู้ที่ทำงานในสำนักงาน และด้วยจำนวนแอปพลิเคชันที่เพิ่มขึ้นทุกวัน การป้องกันจะยิ่งทำได้ยากขึ้นหากไม่มี Secure Web Gateway องค์กรต่างๆ จึงเลือกใช้ SWG เพื่อให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย แม้ในขณะที่ผู้ใช้ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายธุรกิจภายในสำนักงาน

หลักการทำงานของ SWG เป็นอย่างไร?

SWG จะเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบการจราจรอินเทอร์เน็ตทั้งหมดที่เข้าสู่เครือข่ายขององค์กรและสแกนหาภัยคุกคาม โดยจะถูกติดตั้งที่ Gateway ระหว่างเครือข่ายและอุปกรณ์ปลายทางของผู้ใช้ (Endpoint) ซึ่งการใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหมดระหว่างผู้ใช้และเครือข่ายต้องถูกกรองผ่าน SWG ที่จะตรวจสอบกิจกรรมใดที่เป็นอันตราย โค้ดต่างๆ การใช้งานเว็บแอปพลิเคชัน และการเชื่อมต่อ URL ทั้งหมด วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดที่ผ่านจุดเหล่านี้มีความปลอดภัย

SWG สามารถตรวจจับภัยคุกคามบนเว็บและกรอง Traffic ที่ไม่เป็นไปตามนโยบายความปลอดภัยที่กำหนด หากตรวจพบโค้ดหรือเนื้อหาที่เป็นอันตราย SWG จะบล็อกไม่ให้เข้าสู่เครือข่าย นอกจากนี้ หากองค์กรตั้งค่านโยบายสำหรับการกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม SWG ก็จะสามารถระบุและบล็อกเว็บไซต์เหล่านั้นได้

ฟีเจอร์สำคัญของ SWG มีอะไรบ้าง?

Secure Web Gateway นำเสนอคุณสมบัติหลากหลายเพื่อเสริมการป้องกันที่แข็งแกร่งและควบคุมการจราจรอินเทอร์เน็ตภายในองค์กร หากเป็นไปได้ ฟีเจอร์หลักของบริการ SWG ที่องค์กรใช้งานควรมุ่งเน้นการลดพื้นที่การโจมตี (Attack Surface) สนับสนุน Digital Transformation ปกป้องพนักงานที่ทำงานระยะไกลและสำนักงานสาขา คุ้มครองข้อมูลและการดำเนินงานที่สำคัญ รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยโดยรวม ฉะนั้นมาดูกันว่า SWG ที่ดีควรมีฟังก์ชันหลักอะไรบ้าง

การกรอง URL (URL Filtering)

ฟังก์ชันนี้ของ SWG มักใช้เพื่อช่วยองค์กรบล็อกเว็บไซต์และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพนัน สื่อลามก ความรุนแรง การก่อการร้าย และเว็บไซต์ที่แพร่มัลแวร์

สแกนและป้องกันมัลแวร์ (Anti-Malware Scanning & Protection)

เมื่อมีการสแกน Traffic เพื่อหาภัยคุกคาม SWG จะตรวจจับไวรัสหรือมัลแวร์ประเภทต่างๆ ก่อนที่จะถึงเครือข่ายภายใน เมื่อตรวจพบ ก็จะป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เข้าสู่ระบบ

ควบคุมการเข้าถึงเว็บและแอปพลิเคชัน (Web Access & Application Control)

องค์กรสามารถกำหนดนโยบายที่อนุญาตให้ผู้ใช้ภายในเข้าชมเฉพาะเว็บไซต์ที่กำหนดเท่านั้น วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าพนักงานไม่ได้เข้าถึงแอปพลิเคชันหรือบริการที่รบกวนการทำงาน ฟังก์ชันนี้ยังช่วยให้องค์กรจำกัดและควบคุมแบนด์วิดท์ที่ใช้โดยแอปพลิเคชัน เช่น Spotify และ YouTube ที่อาจมีการดึงแบนด์วิดท์สูง

ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention: DLP)

นอกจากการสแกน Traffic ขาเข้า SWG ยังสามารถตรวจจับเมื่อมีการส่งข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตออกจากเครือข่าย หากตรวจพบกิจกรรมดังกล่าว SWG จะบล็อกไม่ให้ออกและแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น บางบริษัทตั้งค่ากฎ Data Loss Prevention (DLP) เพื่อตรวจจับหมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลที่เป็นความลับในอีเมล และไฟล์แนบของพนักงานเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลดังกล่าว

ระบบป้องกันไวรัสและมัลแวร์ (Antivirus and Antimalware)

SWG รวบรวมความสามารถในการป้องกันไวรัสและมัลแวร์ เพื่อป้องกันจากไวรัส โทรจัน เวิร์ม สปายแวร์ และแอดแวร์ อีกทั้งการสแกนและบล็อกไฟล์อันตรายจากเว็บไซต์แบบเรียลไทม์สามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์และเครือข่ายของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน DNS (DNS Security)

SWG ช่วยจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับ DNS (Domain Name System) โดยระบุและขัดขวางการโจมตีที่ใช้ DNS เช่น การสื่อสารแบบ Command-and-Control การโจมตีแบบ DDoS และการขโมย Domain เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของเครือข่ายโดยรวม

การตรวจสอบการใช้งานผ่าน HTTPS (HTTPS Inspection)

เนื่องจากการจราจรบนเว็บไซต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันถูกเข้ารหัสด้วย HTTPS โซลูชัน SWG จึงมีความสามารถในการตรวจสอบ HTTPS โดยจะถอดรหัส SSL ของการจราจรที่ผ่าน Gateway ตรวจสอบหาภัยคุกคาม และเข้ารหัสเนื้อหาใหม่ก่อนส่งกลับไปยังผู้รับ วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าการจราจรที่เข้ารหัสไม่ใช่จุดบอดในการตรวจสอบความปลอดภัย

SWG เปรียบเทียบกับ Firewall และ Cloud Access Security Broker (CASB)

แต่เดิม Firewall ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเครือข่ายภายในของผู้ใช้จากภัยคุกคามและการโจมตีจากภายนอกเป็นหลัก โดยจะตรวจสอบและกรองการจราจรเครือข่ายในระดับแพ็คเก็ต ตรวจสอบ IP address ต้นทางและปลายทาง หมายเลขพอร์ต และโปรโตคอลต่างๆ โดย Firewall มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยที่ Parimeter ของข่าย ผ่านการอนุญาตหรือบล็อกการจราจรตามที่กำหนดไว้ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและการบล็อกภัยคุกคามที่เป็นที่รู้จัก

ในขณะที่ Firewall มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย Secure Web Gateway จะเน้นการรักษาความปลอดภัยของการจราจรเว็บและปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามบนเว็บ หรืออาจพูดได้ว่า SWG คือ ระบบที่มีความสามารถเหนือกว่าฟังก์ชันพื้นฐานของ Firewall โดยมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การกรอง URL การควบคุมแอปพลิเคชัน และการป้องกันภัยคุกคาม โดยจะตรวจสอบคำขอและการตอบสนองของเว็บในระดับแอปพลิเคชัน รวมถึงวิเคราะห์เนื้อหาและ URL อีกด้วย

บริการ SWG Traditional Firewalls
  • ตรวจสอบการใช้งานอินเตอร์เน็ตทั้งหมด
  • ป้องกันในระดับเครือข่าย การจราจรเว็บ และระดับแอปพลิเคชัน
  • ตรวจสอบเฉพาะแพ็คเก็ตการจราจร ไม่ได้ดูไฟล์ทั้งหมด
  • มีการป้องกันระดับเครือข่ายเท่านั้น
  • (ยกเว้นกรณีที่ใช้ Web Application Firewall ร่วมด้วย)

นอกจากนี้ SWG ยังมักถูกเปรียบเทียบกับ CASBs (Cloud Access Security Broker) เนื่องจากมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน แม้ว่าทั้งสองระบบจะสามารถตรวจสอบการจราจรและกรองเนื้อหาที่เป็นอันตรายได้ แต่ความแตกต่างหลักคือ CASB มีความสามารถเพิ่มเติมในการมองเห็นการใช้งานแอปพลิเคชันและบริการบนคลาวด์ นั่นหมายความว่าคุณสามารถดูข้อมูลโดยละเอียดว่าพนักงานของคุณใช้บริการคลาวด์ใดบ้าง และสามารถกำหนดนโยบายเพื่อรักษาความปลอดภัยได้

บริการ SWG โซลูชัน CASB
  • โซลูชัน SWG บางตัวทำงานบนระบบคลาวด์
  • มุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลขององค์กรและผู้ใช้บนอุปกรณ์ต่างๆ
  • ทำงานบนระบบคลาวด์เท่านั้น
  • มุ่งเน้นการปกป้องแอปพลิเคชันคลาวด์จากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

ข้อดีของ SWG มีอะไรบ้าง

การเลือกและติดตั้งโซลูชัน SWG ที่เหมาะสมสามารถนำประโยชน์ด้านความปลอดภัยมาสู่บริษัทหรือองค์กรได้อย่างมหาศาล นอกเหนือจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่กล่าวไปข้างต้น SWG ยังสามารถมอบประโยชน์ต่างๆ ได้อีก เช่น

  • เพิ่มการมองเห็น (Enhanced Visibility) - ช่วยกำจัดจุดบอดของ SSL และ Firewall ให้การควบคุมแบบละเอียด (Granular Control) เกี่ยวกับวิธีการใช้งานเครือข่ายหรือแอปพลิเคชัน
  • ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ (Prevent Cyber Attacks) - ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเว็บไซต์อันตรายและป้องกันไม่ให้ไฟล์ที่เป็นอันตรายเข้าสู่เครือข่าย มอบการป้องกันในระดับต่างๆ จากการโจมตีแบบ Zero-Day โดเมนต่อขยายที่น่าสงสัย มัลแวร์แอบซ่อนอยู่ สกุลไฟล์ที่เป็นอันตราย และอื่นๆ
  • การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance with Regulations) - บริษัทที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ เช่น HIPAA, PCI และ GDPR จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดการข้อมูล ซึ่งการควบคุมแบบละเอียดของ SWG ในการใช้งานแอปพลิเคชันและข้อมูล ช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

SWG มีบทบาทอย่างไรในการปฏิบัติตามกฎข้อกำหนด?

Secure Web Gateway เป็นองค์ประกอบสำคัญในกลยุทธ์การปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กร โดยมีบทบาทสำคัญในการจัดเตรียมเครื่องมือ ควบคุม และการมองเห็นช่วยให้รู้ถึงการใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือเว็บแอปพลิเคชันของพนักงานที่จำเป็น เพื่อช่วยองค์กรในการติดตามและบังคับใช้การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ ปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหว และลดความเสี่ยงจากบทลงโทษหรือความเสียหายต่อชื่อเสียงขององค์กรจากการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ต่อไปนี้คือวิธีที่ SWG ช่วยให้บรรลุการปฏิบัติตามกฎระเบียบ

การตรวจสอบและติดตามข้อมูล (Data Inspection and Monitoring)

SWG ช่วยให้สามารถตรวจสอบการจราจรบนเว็บเป็นไปอย่างละเอียด รวมถึงข้อมูลที่กำลังถูกส่งผ่าน เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล การแชร์ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกิจกรรมที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบ การวิเคราะห์และติดตามข้อมูลที่ไหลผ่าน Gateway ช่วยให้องค์กรมั่นใจได้ว่าปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ

การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention: DLP)

เนื่องจาก SWG มีฟังก์ชัน DLP ในตัว จึงช่วยป้องกันการสูญหายหรือการเปิดเผยข้อมูลสำคัญหรือละเอียดอ่อนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งระบบจะบังคับใช้นโยบายที่จำกัดการส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลที่ระบุตัวตนบุคคล (PII) ข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครอง (PHI) หรือข้อมูลทางการเงิน และจัดเตรียมกลไกในการติดตามและควบคุมการเคลื่อนย้ายข้อมูลเพื่อหลีกเลี่ยงการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ

การควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้ (User Access Controls)

SWG ช่วยในการบังคับใช้การควบคุมการเข้าถึงและนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ สามารถจำกัดการเข้าถึงหมวดหมู่เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเฉพาะที่อาจละเมิดข้อกำหนดด้านกฎระเบียบหรือนโยบายขององค์กร การใช้การควบคุมแบบละเอียดตามการระบุตัวตนของผู้ใช้ช่วยป้องกันการเข้าถึงทรัพยากรที่มีความอ่อนไหวโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับรองการปฏิบัติตามแนวทางด้านกฎระเบียบ

การตรวจสอบและการรายงาน (Auditing and Reporting)

อีกวิธีที่ SWG ช่วยในการปฏิบัติตามกฎระเบียบคือการสร้างบันทึกและรายงานโดยละเอียดที่บันทึกกิจกรรมของผู้ใช้ การจราจรบนเว็บไซต์ และการละเมิดนโยบาย ร่องรอยการตรวจสอบเหล่านี้ทำให้รับรู้ถึงการใช้งานและเอกสารที่จำเป็นสำหรับการประเมินและตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเก็บบันทึกที่ครอบคลุมช่วยให้องค์กรสามารถแสดงการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ และยังสามารถตอบสนองต่อการสอบถามหรือการตรวจสอบด้านกฎระเบียบ

การปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานกฎระเบียบ (Regulatory Standards Alignment)

SWG ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับมาตรฐานกฎระเบียบเฉพาะอุตสาหกรรม เช่น General Data Protection Regulation (GDPR), Health Insurance Portability and Accountability Act (HIPAA), Payment Card Industry Data Security Standard (PCI DSS) หรือ Sarbanes-Oxley Act (SOX) โดยจัดเตรียมการควบคุมและคุณสมบัติที่จำเป็น เพื่อช่วยให้องค์กรบรรลุข้อกำหนดเฉพาะที่ระบุไว้ในกฎระเบียบเหล่านี้

การตรวจสอบการเข้ารหัส (Encryption Inspection)

การใช้งาน SWG ช่วยให้สามารถตรวจสอบการจราจรเว็บที่เข้ารหัส รวมถึง SSL/TLS เพื่อระบุและบรรเทาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหรือการละเมิดการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้น การถอดรหัสและตรวจสอบการจราจรที่เข้ารหัสช่วยให้มั่นใจว่ากิจกรรมที่เป็นอันตราย หรือพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบไม่ถูกซ่อนไว้ในช่องทางที่เข้ารหัส SWG จึงสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับการปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กร

วิวัฒนาการของ SWG

วิวัฒนาการของ Secure Web Gateway ถูกขับเคลื่อนโดยการพัฒนาของภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของสภาพแวดล้อมเครือข่าย SWG ถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ และผสานเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและฟังก์ชันการทำงาน

ในอดีต การทำงานของ SWG มุ่งเน้นที่การกรอง URL และความสามารถพื้นฐานในการป้องกันภัยคุกคาม อย่างไรก็ตาม เมื่อภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนมากขึ้น SWG จึงถูกปรับปรุงเพื่อให้การป้องกันที่ครอบคลุมมากขึ้น โดยรวมคุณสมบัติต่างๆ เช่น การป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง การควบคุมแอปพลิเคชัน การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP) ระบบป้องกันไวรัสและมัลแวร์ ความปลอดภัย DNS และการตรวจสอบ HTTPS ซึ่งความสามารถเพิ่มเติมเหล่านี้ทำให้ Secure Web Gateway สามารถให้การป้องกันที่ครอบคลุมจากภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบจากอินเทอร์เน็ต รวมถึงมัลแวร์ ฟิชชิง และการโจมตีแบบ DDoS

อีกหนึ่งการพัฒนาที่สำคัญอีกประการของ SWG คือ การเปลี่ยนสู่การใช้งานบนคลาวด์ โดย SWG ที่ให้บริการบนคลาวด์สามารถนำเสนอคุณสมบัติในการปรับขนาด ความยืดหยุ่น และความสะดวกในการจัดการที่มากกว่า เมื่อเทียบกับโซลูชันแบบ On-Premise แบบดั้งเดิม จึงช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความปลอดภัยการจราจรเว็บไซต์ แม้กระทั่งสำหรับพนักงานที่ทำงานระยะไกลและสำนักงานสาขา โดยไม่จำเป็นต้องส่ง Traffic กลับไปยังศูนย์ข้อมูลส่วนกลาง นอกจากนี้ SWG บนคลาวด์ยังใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ขั้นสูงและ Machine Learning เพื่อปรับปรุงการตรวจจับภัยคุกคาม พร้อมมอบการป้องกันแบบเรียลไทม์

SWG มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างไร

ในอนาคต Secure Web Gateway จะเป็นโซลูชันที่มีความสำคัญมากขึ้น เพราะทั่วโลกหันมาให้ความสนใจในความปลอดภัยบนเว็บไซต์ท่ามกลางโลกดิจิทัลที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ข้อมูลจำเป็นต้องเข้าถึงจากระยะไกลมากขึ้นเรื่อยๆ และการนำโซลูชัน SWG มาใช้เป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเหตุนี้ ตลาดสำหรับโซลูชันประเภทนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกหลายปีข้างหน้า ทำให้การที่ธุรกิจจะต้องหาโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยด้านไอทีของตนเองเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยคาดการณ์ว่า SWG จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ โดยการพัฒนาที่มีนัยสำคัญ ได้แก่

การผสานรวมกับ SASE (Secure Access Service Edge)

SWG มีแนวโน้มที่จะถูกผสานรวมกับกรอบการทำงานของ SASE ซึ่งรวมความสามารถด้านความปลอดภัยเครือข่ายเข้ากับความสามารถของเครือข่ายบริเวณกว้าง (WAN) รวมถึง Software Defined Wide Area Networks (SD-WAN) การผสานรวมนี้จะให้โซลูชันด้านความปลอดภัยและเครือข่ายแบบรวมศูนย์สำหรับองค์กรที่กระจายตัว

การเพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ภัยคุกคาม

เพื่อให้ทันกับภัยคุกคามสมัยใหม่ SWG จะใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้แบบ Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล พร้อมระบุภัยคุกคามใหม่ ช่วยให้สามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเชิงรุกได้นั่นเอง

ความปลอดภัยแบบ Zero-Trust

เมื่อกล่าวถึงการใช้งานสถาปัตยกรรมความปลอดภัยแบบ Zero-Trust โซลูชัน SWG จะมีบทบาทสำคัญในการให้การควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียด การยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน และการติดตามการจราจรเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง

ความปลอดภัยสำหรับมือถือและอุปกรณ์ IoT

เมื่อมือถือและอุปกรณ์ IoT มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง Secure Web Gateway จะต้องปรับตัวเพื่อรักษาความปลอดภัยของการจราจรที่เกิดจากอุปกรณ์เหล่านี้และบังคับใช้นโยบายเพื่อปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหว

การผสานรวมกับความปลอดภัยแบบ Cloud-native

จากสถิติที่รวบรวมโดย CloudZero แสดงให้เห็นว่า การประมวลผลบนคลาวด์มีการเติบโตขึ้นตั้งแต่ก่อนปี 2020 ส่งผลให้ความต้องการบริการรักษาความปลอดภัยแบบ Cloud-Native เพิ่มขึ้น โดย SWG ที่สามารถผสานรวมกับโซลูชันความปลอดภัยแบบ Cloud-Native อย่างไร้รอยต่อ จะช่วยมอบการป้องกันแบบองค์รวมสำหรับแอปพลิเคชันและบริการบนคลาวด์

ความท้าทายในการติดตั้งใช้งาน Secure Web Gateway

แม้ว่า SWG จะมีข้อดีมากมาย แต่องค์กรควรตระหนักถึงความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นสำหรับทีมไอที โดยเฉพาะหากมีการติดตั้ง Gateway เหล่านี้ในสภาพแวดล้อมแบบ Standalone อาจเพิ่มความซับซ้อนให้กับการจัดการความปลอดภัยโดยรวม ในทางกลับกัน หาก SWG ถูกผสานรวมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอื่นๆ การบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยจะทำได้ง่ายขึ้น แต่กระบวนการนี้ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเช่นกัน

ความท้าทายอีกประการหนึ่งที่เกิดจาก SWG คือ ความจำเป็นในการติดตามการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต้องการเวลาและความพยายามเพิ่มเติมจากทีมไอทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่พลาดการอัปเกรดที่สำคัญ

ท้ายที่สุด องค์กรอาจประสบปัญหาด้านประสิทธิภาพ หากใช้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายแบบเก่าในการป้องกันการจราจรอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแบนด์วิดท์ต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเร็วที่ช้าลงและส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน

วิธีเลือก SWG ให้เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กร

ปัจจุบันมีโซลูชัน Secure Web Gateway มากมายให้เลือก และอาจเป็นเรื่องยากในการจำกัดตัวเลือก เมื่อต้องเลือก SWG สำหรับองค์กร คุณควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ก่อนตัดสินใจว่า ผลิตภัณฑ์ใดเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด

How to choose the SWG best fit for your organization

  • ความสามารถด้านความปลอดภัย: จุดประสงค์หลักของ Secure Web Gateway คือการให้ความปลอดภัยที่สำหรับการจราจรบนเว็บไซต์ องค์กรควรประเมินคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่นำเสนอโดยโซลูชัน SWG ต่างๆ เช่น การกรอง URL การป้องกันมัลแวร์และภัยคุกคาม การควบคุมแอปพลิเคชัน การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP) การสแกนไวรัสและมัลแวร์ ความปลอดภัยในการใช้งาน DNS และการตรวจสอบ HTTPS Protocol โดย SWG ควรมีความสามารถขั้นสูงในการตรวจจับและบรรเทาภัยคุกคามบนเว็บที่หลากหลาย
  • ความสามารถในการขยายและประสิทธิภาพ: เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องประเมินความสามารถในการขยายตัวและประสิทธิภาพของโซลูชัน SWG โดยองค์กรควรพิจารณาปริมาณการจราจรอินเทอร์เน็ตที่คาดการณ์ และจำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานพร้อมกัน ซึ่ง Secure Web Gateway ที่เลือกควรสามารถรองรับความต้องการในปัจจุบันและอนาคตขององค์กรได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพหรือก่อให้เกิดปัญหาความล่าช้า
  • ตัวเลือกการติดตั้ง: SWG สามารถติดตั้งแบบ On-Premise, On-Cloud หรือเป็นโซลูชันแบบไฮบริด องค์กรควรประเมินความต้องการ และกำหนดตัวเลือกการติดตั้งที่เหมาะสมที่สุด โดย SWG บนคลาวด์ให้ความสามารถในการปรับขนาด ความยืดหยุ่น และการจัดการที่ง่ายขึ้น ในขณะที่โซลูชันแบบออนพรีมิสให้การควบคุมข้อมูลและรองรับการจราจรที่มากกว่า
  • ความง่ายในการจัดการ: อีกประเด็นที่ควรพิจารณาคือความง่ายในการจัดการและดูแลผลิตภัณฑ์ SWG โดย SWG ควรมีส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่ใช้งานง่ายและความสามารถในการจัดการแบบรวมศูนย์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถกำหนดค่านโยบาย ตรวจสอบการจราจร และสร้างรายงานได้ง่าย การผสานรวมกับโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยและเครื่องมือการจัดการที่มีอยู่ก็เป็นประโยชน์
  • การปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบ: ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและสถานที่ตั้ง องค์กรอาจมีข้อกำหนดด้านการปฏิบัติตามและกฎระเบียบเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยบนเว็บ จึงสำคัญที่จะต้องเลือกโซลูชัน Gateway ที่สามารถช่วยให้บรรลุข้อกำหนดเหล่านี้ เช่น การอำนวยความสะดวกในการตรวจสอบข้อมูลเพื่อหาการรั่วไหลที่อาจเกิดขึ้น การให้การควบคุมแบบละเอียดสำหรับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และการรองรับมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบเช่น GDPR หรือ HIPAA
  • การผสานรวมกับโซลูชันความปลอดภัยอื่นๆ: Gateway ขององค์กรควรผสานรวมกับโซลูชันความปลอดภัยอื่นๆ ที่ติดตั้งในสภาพแวดล้อมได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งรวมไปถึง Firewall ระบบตรวจจับการบุกรุก (IDS) หรือแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย (SIEM) การผสานรวมช่วยให้เกิดท่าทีด้านความปลอดภัยแบบรวม เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับภัยคุกคามและความสามารถในการตอบสนอง และทำให้การจัดการความปลอดภัยโดยรวมง่ายขึ้น
  • ชื่อเสียงและการสนับสนุนของผู้ให้บริการ: เมื่อเลือกโซลูชัน SWG องค์กรควรพิจารณาชื่อเสียงและประวัติผลงานของผู้ให้บริการ สำคัญที่จะต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงที่ให้การอัปเดต การแพตช์ และบริการสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อจัดการกับภัยคุกคามและช่องโหว่ที่เกิดขึ้นใหม่

เทรนด์ในอนาคตของ SWG

  • การผสานรวมกับ AI และ Machine Learning: SWG มีการใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้แบบ Machine Learning เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ Secure Web Gateway สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลแบบเรียลไทม์ และระบุภัยคุกคามที่ไม่เป็นที่รู้จักได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การหลอมรวมกับกรอบการทำงาน SASE: Secure Access Service Edge (SASE) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยการผสานรวม SWG เข้ากับฟังก์ชันความปลอดภัยและเครือข่ายอื่นๆ เช่น SD-WAN, CASB และ Firewall as a Service จะช่วยให้โซลูชันความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพและจัดการได้ง่ายขึ้น
  • การเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์มือถือและ IoT: เมื่อจำนวนอุปกรณ์มือถือและ IoT เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง SWG จึงมีการพัฒนาเพื่อรักษาความปลอดภัยของการจราจรที่เกิดจากอุปกรณ์เหล่านี้ รวมถึงการใช้การควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียด และการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องข้อมูลที่มีความอ่อนไหว
  • โซลูชันความปลอดภัยแบบ Cloud-Native: การเปลี่ยนผ่านไปสู่โซลูชันความปลอดภัยแบบ Cloud-Native กำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย SWG ถูกออกแบบให้ผสานรวมกับสภาพแวดล้อมคลาวด์ได้อย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้การปกป้องที่ครอบคลุมสำหรับแอปพลิเคชันและบริการบนคลาวด์

Sangfor IAG โซลูชัน Secure Web Gateway และการกรองเว็บไซต์

หากคุณกำลังมองหาโซลูชัน SWG ที่สามารถตอบรับกับเทรนด์สมัยใหม่ เช่น การใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงสู่การทำงานแบบไฮบริด และการใช้งานอุปกรณ์มือถือและอุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อการทำงานที่เพิ่มขึ้น ไม่ต้องมองหาที่อื่นไกลนอกจาก Sangfor IAG หรือ Sangfor Internet Access Gateway ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีความปลอดภัยอย่างครอบคลุม พร้อมการมองเห็นผู้ใช้งานอย่างชัดเจน การตรวจสอบที่เพิ่มประสิทธิภาพ และการจัดการเครือข่ายแบบรวมศูนย์ ทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่และจัดการแอปพลิเคชันที่ทำงานในสภาพแวดล้อมเครือข่ายของคุณ สามารถชมวิดีโอเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

Sangfor IAG ได้รับความสำเร็จอย่างมากและช่วยให้หลายองค์กรบรรลุความต้องการของตน

  • J&T Express บริษัทโลจิสติกส์ที่มีปริมาณการจัดส่งมากที่สุดในอินโดนีเซีย ได้บรรลุความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการใช้โซลูชันความปลอดภัยของ Sangfor รวมถึง Endpoint Secure และ Internet Access Gateway
  • Universitas Pelita Harapan (UPH) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในอินโดนีเซียที่นำเสนอหลักสูตรศิลปศาสตร์ UPH ได้นำ Internet Access Gateway ของ Sangfor มาใช้เพื่อรักษาแบนด์วิดท์และปรับปรุงประสบการณ์การศึกษาดิจิทัล ตามที่มหาวิทยาลัยระบุ โซลูชันของ Sangfor ช่วยให้พวกเขาสามารถติดตามประสิทธิภาพและความปลอดภัยผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อถือได้ ทันสมัย และใช้งานง่าย ในขณะที่ยังคงมีราคาที่จับต้องได้

บริการตอบสนองต่อเหตุการณ์ของ Sangfor เป็นโซลูชันเพิ่มเติม

คุณไม่มีวันเตรียมพร้อมมากเกินไปสำหรับการปรับเปลี่ยนของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พัฒนาอยู่เสมอ องค์กรที่ต้องการป้องกัน Gateway เพิ่มเติมสามารถพิจารณาบริการตอบสนองต่อเหตุการณ์ของ Sangfor ด้วย Sangfor Incident Response คุณจะได้เข้าถึงทีมผู้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งดำเนินการมาแล้วมากมายและสั่งสมประสบการณ์การตอบสนองต่อเหตุการณ์มากกว่า 5,000 ชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญของเรามีความรู้และเทคนิคล่าสุดในการจัดการกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยประเภทต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

เพลิดเพลินกับชุดคุณสมบัติที่ทันสมัยและครบครัน เช่น การป้องกันการหลีกเลี่ยงพร็อกซี การจัดการการจราจรอย่างชาญฉลาด การจัดการแบบรวมศูนย์ทั่วทั้งเครือข่ายสำหรับลูกค้าทั้งหมด และการจัดการแอปพลิเคชันที่แม่นยำและถูกต้อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับองค์กรของคุณและทำให้การติดตามและจัดการเป็นเรื่องง่ายสำหรับทีมไอทีของคุณ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบริการด้านความปลอดภัยแบบองค์รวมสำหรับองค์กรของคุณ

ติดต่อเราเพื่อสอบถามข้อมูลทางธุรกิจ

Search

Get in Touch

Get in Touch with Sangfor Team for Business Inquiry

Name
Email Address
Business Phone Number
Tell us about your project requirements

Related Glossaries

Cyber Security

What Is Enterprise Mobility Management (EMM)?

Date : 04 Jan 2025
Read Now
Cyber Security

What is Secure Remote Access?

Date : 03 Jan 2025
Read Now
Cyber Security

Disaster Recovery Site คืออะไร สำคัญกับข้อมูลของเราอย่างไร

Date : 23 Dec 2024
Read Now

See Other Product

Sangfor Omni-Command
Sangfor Endpoint Secure แอนตี้ไวรัสยุคใหม่ (NGAV) สำหรับองค์กรของคุณ
Cyber Command - NDR Platform - Sangfor Cyber Command - แพลตฟอร์ม NDR
Sangfor Endpoint Secure
Internet Access Gateway (IAG)
Sangfor Network Secure - Next Generation Firewall (NGFW)